
เผยแพร่ |
---|
หนังขายยา เริ่มมีขึ้นหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยเอกชนเจ้าของสินค้านำภาพยนตร์ไปฉายในชนบท พร้อมกับการจำหน่ายสินค้าของบริษัท ออกหน่วยบรรทุกข้าวของเครื่องใช้ เครื่องปั่นไฟ เครื่องฉายหนัง จอ ลำโพง ฯลฯ
โดยใช้พาหนะต่างๆ ตามความเหมาะสมของพื้นที่ ใช้หน่วยรถยนต์ในพื้นที่ที่ถนนไปถึง, ใช้หน่วยเรือตามแม่น้ำลำคลองในเขตสมุทรปราการ อยุธยา ปากน้ำโพ ปราจีนบุรี รวมทั้งลำคลองสายหลักในเขตกรุงเทพฯ, ใช้หน่วยเกวียนในพื้นที่ไม่มีถนน ฯลฯ ส่วนการจำหน่ายสินค้าจะมีเป็นระยะๆ ในระหว่างการฉายภาพยนตร์ ซึ่งแม้จะเรียกว่าหนังขายยา แต่สินค้ากลับมีหลากหลาย

ในยุคสงครามเย็น หนังขายยายังเป็นหนึ่งในเครื่องมือการแย่งชิงมวลชนของภาครัฐ
ช่วงทศวรรษที่ 2490 การเมืองระหว่างประเทศมีความแปรผันอย่างมาก เช่น การปฏิวัติในจีน (พ.ศ. 2492) สงครามเกาหลี (พ.ศ. 2493) สงครามในอินโดจีนและความพ่ายแพ้ของฝรั่งเศสที่เดียนเบียนฟู (พ.ศ. 2497) และการรุกคืบของคอมมิวนิสต์ในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้
สหรัฐอเมริกาหนึ่งในประเทศผู้นำโลกเสรีให้ความสำคัญกับการต่อต้านคอมมิวนิสต์ของภูมิภาคนี้อย่างมาก ประเทศไทยเองถูกกำหนดให้เป็นศูนย์กลางของปฏิบัติการลับและปฏิบัติการจิตวิทยาในภูมิภาค จึงมีการสนับสนุนทางการทหารแก่รัฐบาลไทยอย่างมหาศาล ควบคู่กับความช่วยเหลือทางเศรษฐกิจ
หน่วยงานดังเช่น ยูซิส หรือ สำนักข่าวอเมริกัน (United State Information Unite, USIS) หน่วยงานเพื่อเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับสหรัฐฯ เป็นกลไกหนึ่งในปฏิบัติทางจิตวิทยา เครือข่ายปฏิบัติการของยูซิสพร้อมกับหน่วยโฆษณาชวนเชื่อย่อยๆ เข้าไปในเขตชนบทลึกถึงระดับหมู่บ้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคอีสาน มีผู้เชี่ยวชาญในสงครามจิตวิทยาออกเดินทางไปแจกโปสเตอร์ และสมุดคู่มือการต่อต้านคอมมิวนิสต์ให้กับกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และประชาชน ในเวลากลางวัน และฉายภาพยนตร์ต่อต้านคอมมิวนิสต์ในตอนกลางคืน เช่นเดียวกับหนังขายยา
แต่จุดประสงค์ครั้งนี้เป็นการขายความคิด สร้างความเชื่อที่ต้องการแผยแพร่
การสกัดกั้นคอมมิวนิสต์ไม่ได้หยุดอยู่เพียงเท่านั้น ช่วงปลายทศวรรษ 2490 USOM (United States Operation Mission) ให้ความช่วยเหลือในโครงการจัดตั้งโรงพยาบาลให้ครบทุกจังหวัดเกิดของไทยขึ้นจริงได้ก่อน พ.ศ. 2500 โดยใช้งบประมาณของ AID (Agency for International Development-หน่วยงานเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศ) ของสหรัฐอเมริกา
นอกจากนี้ ศูนย์ควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุขสหรัฐฯ ยังทำข้อตกลงกับรัฐบาลไทยในการจัดตั้งหน่วยงานวิจัยมาลาเรียในประเทศไทย (พ.ศ. 2500) เพื่อควบคุมและกวาดล้างไข้มาลาเรียในไทย เนื่องจากทหารของสหรัฐอเมริกาเข้ามาปฏิบัติการในภูมิภาคต้องเผชิญกับไข้ป่ามาเลเรียล้มป่วยเป็นจำนวนมาก ทำให้อัตราการเสียชีวิตด้วยไข้มาลาเรียต่อประชากรใน 100,000 คน ลดจากร้อย 24.5 ใน พ.ศ. 2504 เหลือร้อยละ 18.2 ใน พ.ศ. 2507
ข้อมูลจาก
โกมาตร จึงเสถียรทรัพย์ บรรณาธิการ. ปกิณกคดี 100 ปีการสาธารณสุขไทย, หอจดหมายเหตุสาธารณสุขแห่งชาติ กระทรวงสาธารณสุข , เมษายน 2561
เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อวันที่ 2 กันยายน 2563