“พระสยามเทวาธิราช” สร้างโดยราชสำนัก แต่มีครั้งหนึ่งที่สร้างโดยประชาชน

พระสยามเทวาธิราช พระที่นั่งไพศาลทักษิณ พระบรมมหาราชวัง
พระสยามเทวาธิราชประดิษฐานในพระวิมานพระสยามเทวาธิราช ภายในพระที่นั่งไพศาลทักษิณ พระบรมมหาราชวัง (ภาพจากหนังสือพระมหากษัตริย์ในพระบรมราชจักรีวงศ์กับประชาชน จัดพิมพ์โดยสำนักราชเลขาธิการ พ.ศ. 2525)

คนไทยรู้จัก “พระสยามเทวาธิราช” ในฐานะ เทพยดาคู่บ้านคู่เมือง องค์หนึ่งของไทย เป็นผลมาจากงานฉลองกรุงรัตนโกสินทร์ 200 ปี เมื่อ พ.ศ. 2525

ครั้งนั้น พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้อัญเชิญพระสยามเทวาธิราชมาประกอบพระราชพิธีบวงสรวง และพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ประชาชนเข้าถวายสักการะพระสยามเทวาธิราช หลังพระราชพิธีเสร็จแล้วอีกระยะหนึ่ง นั่นเป็นครั้งแรกที่ประชาชนมีโอกาสเข้าถวายสักการะพระสยามเทวาธิราชโดยตรง

เรื่องของ เทพยดาคู่บ้านคู่เมือง ของไทยยังมีอีกหลายมิติที่น่าสนใจ ซึ่ง วิศรุต บวงสรวง ได้ค้นคว้าและเรียบเรียงไว้ในบทความ พระสยามเทวาธิราชทรงปราบกบฏบวรเดช : การช่วงชิงเทพสัญลักษณ์ใน เหรียญพิทักษ์รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2476’ในนิตยสารศิลปวัฒนธรรม ฉบับเดือนเมษายน พ.ศ. 2563

พระสยามเทวาธิราชสร้างขึ้นตามพระราชดำริ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อประเทศชาติสามารถรอดพ้นจากสถานการณ์ที่ต้องสูญเสียอิสรภาพหลายครั้งมาได้ ด้วยมีเทวดารักษาคุ้มครอง จึงควรทำรูปเทวดาองค์นั้นขึ้นสักการบูชา

รูปแบบของเทวดาที่จัดสร้างขึ้นก็คือ เป็นเทวดาทรงเครื่องอย่างพระมหากษัตริย์ พระหัตถ์ขวาถือพระแสงขรรค์ พระหัตถ์ซ้ายยกขึ้นจีบเหนือพระอุระ ประดิษฐานอยู่ในพระวิมานไม้จันทน์ กำหนดให้มีการทำพิธีบวงสรวงทุกปี ในวันปีใหม่ไทย ขึ้น 1 ค่ำ เดือน 5 ของทุกปี

นั่นคือข้อมูลทั่วไปที่หลายคนอาจพอรู้อยู่แล้ว แต่วิศรุตได้ค้นคว้าลึกลงไปกว่านั้น โดยกล่าวว่า มีการสร้างพระสยามเทวาธิราชอีกหลายครั้ง ด้วยเหตุผลที่แตกต่างกัน ดังนี้

สมัย พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดให้สร้างเทวรูปขึ้นอีกองค์หนึ่ง สำหรับประดิษฐานอยู่ที่ห้องบรรทมของพระองค์ในพระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต เทวรูปดังกล่าวมีรูปเหมือนพระสยามเทวาธิราช เว้นเพียง “พระพักตร์ของเทวรูป” ที่โปรดเกล้าฯ ให้แปลงเป็นพระพักตร์ของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว

นอกจากนี้ ในโอกาสสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ 100 ปี พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้สร้าง “เหรียญดุษฎีมาลา” สำหรับพระราชทานแก่บรรดาผู้มีความชอบ ก็มีการอัญเชิญรูปพระสยามเทวาธิราชมาไว้ในเหรียญด้วย

ภาพวาดลายเส้น “เหรียญดุษฎีมาลา” (ภาพจากหนังสือรชดาภิเษก เปนตู้ทองของการเล่าเรียน รวมศึกษานุกรมทั้งชั้นต้น ชั้นกลาง ชั้นสูง เล่ม ๑ ซึ่งตีพิมพ์โดยกรมศึกษาธิการเมื่อ ร.ศ. 113 (พ.ศ. 2437) บันทึกภาพเผยแพร่ใน https://th.wikipedia.org/wiki/เหรียญดุษฎีมาลา)

วิศรุตอธิบายลักษณะของ เหรียญดุษฎีมาลา ว่า เป็นแบบกลมรีไข่ ด้านหน้าตรงกลางเหรียญประดิษฐานพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวผินพระพักตร์ทางซ้ายของเหรียญ มีอักษรตามขอบเบื้องบนว่า “จุฬาลังกรณว์หัส์สปรมราชาธิราชิโน” ขอบเบื้องล่างเป็นช่อชัยพฤกษ์ไขว้กัน

ด้านหลังเหรียญเป็นรูปพระสยามเทวาธิราชทรงพระขรรค์ ยืนพิงโล่ตราแผ่นดิน พระหัตถ์ขวาทรงพวงมาลัย ทรงทำท่าจะสวมตรงชื่อผู้ที่ได้รับพระราชทาน โดยในโล่ล้อมรอบด้วยชัยพฤกษ์นั้นเว้นพื้นที่ไว้สำหรับจารึกนามผู้ได้รับพระราชทาน เหรียญดุษฎีมาลา

ใต้แท่นทรงยืนของพระสยามเทวาธิราช มีข้อความ “1244” บอกปีจุลศักราชที่สร้าง และมีอักษรตามขอบว่า “สยามิน์ทปรมราชตุฏธิป์ปเวทนํอิทํ” ที่ริมขอบเหรียญจารึกอักษรว่า “สัพ์เพสํ สํฆภูตานํ สามัค์คีวุฏ์ฒิสาธิกา” ด้านบนเหรียญมีพระขรรค์ชัยศรีกับธารพระกรเทวรูปไขว้กัน มีห่วงยึดกับเหรียญและติดกับแผ่นโลหะจารึกว่า “ทรงยินดี” ผู้ได้รับพระราชทานเหรียญนี้ ไม่มีประกาศนียบัตร เพราะจารึกชื่อผู้ได้รับลงไปในเหรียญแล้ว”

นอกจากนี้ เมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงสร้างเหรียญราชอิสริยาภรณ์ขึ้น เพื่อเป็นบำเหน็จความดีความชอบแก่ผู้ไปราชการสงครามปราบฮ่อเมื่อ พ.ศ. 2427 (จ.ศ. 1246) หรือที่เรียกกันทั่วไปภายหลังว่า “เหรียญปราบฮ่อ” ก็มีการอัญเชิญรูปพระสยามเทวาธิราชมาไว้ในเหรียญเช่นกัน

“เหรียญปราบฮ่อ” (ภาพจาก คุณธงชัย ลิขิตพรสวรรค์)

วิศรุตอธิบายลักษณะของเหรียญปราบฮ่อไว้ว่า เป็นเหรียญเงินรูปกลม ด้านหน้าเป็นพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว หันพระพักตร์ไปทางซ้าย มีพวงมาลัยรองรับ เบื้องบนเป็นแถวอักษรตามแนวขอบเหรียญเป็นข้อความ “จุฬาลงกรณ์ บรมราชาธิราช”

ด้านหลังเป็นรูปพระสยามเทวาธิราชทรงคอช้างถือพระแสงของ้าว มีควาญนั่งอยู่ท้ายช้างคนหนึ่ง รองรับด้วยกลุ่มแพรแถบ เบื้องบนของรูปนั้นมีอักษรตามแนวขอบเหรียญเป็นข้อความมีจุลศักราชที่ทำสงครามกับฮ่อครั้งต่างๆ

แม้การสร้างพระสยามเทวาธิราชที่กล่าวมานั้นเป็นของราชสำนักทั้งสิ้น แต่มีอยู่อย่างน้อยครั้งหนึ่งที่เป็นการสร้างโดย “ประชาชน” โดยเกิดขึ้นภายหลังรัฐบาลปราบปรามกบฏบวรเดช พ.ศ. 2476 ได้สร้างเหรียญที่ระลึกเพื่อตอบแทนความดีแก่ผู้ช่วยเหลือรัฐบาลปราบกบฏ เรียกว่า “เหรียญพิทักษ์รัฐธรรมนูญ”

พระสยามเทวาธิราช อยู่ด้านหลัง เหรียญพิทักษ์รัฐธรรมนูญ
“เหรียญพิทักษ์รัฐธรรมนูญ” ด้านหน้าเหรียญเป็นภาพพานรัฐธรรมนูญ ล้อมรอบด้วยพวงมาลาชัยพฤกษ์ และมีรัศมีเปล่งรอบ ด้านหลังของเหรียญเป็นภาพพระสยามเทวาธิราชทรงพระขรรค์ในท่าประหารปรปักษ์ มีอักษรด้านล่างว่า “ปราบกบฏ พ.ศ. 2476” ตัวเหรียญมีห่วงห้อยด้านหน้าจารึกว่า “พิทักษ์รัฐธรรมนูญ” ด้านหลังจารึกว่า “สละชีพเพื่อชาติ” (เหรียญนี้จัดแสดงอยู่ในพิพิธภัณฑ์พัดยศสมณศักดิ์และเครื่องราชอิสริยาภรณ์ วัดคุ้งตะเภา จังหวัดอุตรดิตถ์ ได้รับบริจาคจาก นายสุเทพ ขำมา ดร. พระมหาเทวประภาส วชิรญาณเมธี (มากคล้าย) ถ่ายภาพ ภาพจาก https://th.wikipedia.org/wiki/เหรียญพิทักษ์รัฐธรรมนูญ)

วิศรุตระบุว่า เหรียญพิทักษ์รัฐธรรมนูญมีลักษณะเป็นเหรียญทองแดงรมดำ รูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส ด้านหน้าเหรียญเป็นภาพพานรัฐธรรมนูญ ล้อมรอบด้วยพวงมาลาชัยพฤกษ์ และมีรัศมีเปล่งรอบ

ด้านหลังของเหรียญเป็นภาพพระสยามเทวาธิราชทรงพระขรรค์ในท่าประหารปรปักษ์ มีอักษรด้านล่างว่า “ปราบกบฏ พ.ศ. 2476” ตัวเหรียญมีห่วงห้อยด้านหน้าจารึกว่า “พิทักษ์รัฐธรรมนูญ” ด้านหลังจารึกว่า “สละชีพเพื่อชาติ”

พระสยามเทวาธิราช จึงปรากฏหลายครั้ง ทั้งที่สร้างโดยราชสำนักและที่สร้างโดยประชาชน

อ่านเพิ่มเติม :

สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่


เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 8 เมษายน 2563