คำพูด “มาแลบุญท่าน” คนนครศรีธรรมราช กล่าวถึงใคร?

ภาพถ่ายมุมสูงจากทางทิศตะวันออกขององค์พระบรมธาตุเจดีย์ มีเทือกเขานครศรีธรรมราชเป็นฉากหลัง (ภาพจากเพจ ที่นี้ใช่ไม่_ปากพนัง)

นครศรีธรรมราช เป็นจังหวัดที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์และมีความสำคัญทางพระพุทธศาสนาเป็นอย่างยิ่งด้วยปรากฏว่ามี “พระมหาธาตุ” ซึ่งเป็นดุจดั่งเสาหลักชัยของคนใต้ทั้งปวงประดิษฐานอยู่ กล่าวกันว่าลักษณะของคนใต้ตามที่มีการอ้างอิงถึงท่าน พล.ต.ต.ขุนพันธรักษ์ราชเดช กล่าวไว้ว่า

“ตั้งแต่กูรู้ความถามกูได้ ว่าคนใต้รุ่นปู่สู้คนไหม เมื่อเราถูกข่มเหงเคยเกรงใคร ไฟก็ไฟเถอะจะจับดับด้วยมือ”

นอกจากจะเป็นความมีความจริงใจแล้ว ในเรื่องความกตัญญูรู้คุณเป็นสิ่งที่คนนครศรีฯ ให้ความสำคัญอย่างยิ่งโดยเฉพาะการกตัญญูรู้คุณต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ดังข้อความของ อำมาตย์เอกพระยาประชากิจกรจักร ผู้ว่าราชการเมืองนครศรีธรรมราช อ่านคำกราบบังคมทูลพระกรุณาถวายไชยมงคลในนามของข้าราชการและประชาชนชาวเมืองนครศรีธรรมราช ความตอนหนึ่งว่า

“ต่อมาเมื่อพระพุทธศักราช 2457 ข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลายได้ทราบด้วยเกล้าฯ ว่า ฝ่าละอองธุลีพระบาทจะเสด็จพระราชดำเนินมาถึงเมืองนครศรีธรรมราช ข้าฝ่าละอองธุลีพระบาทมีความชื่นชมยินดี โดยความสามัคคีพร้อมเพรียงกันจัดสถานที่ แลกิจการใหญ่น้อยตามสมควรที่จะรับเสด็จได้ พอบังเอิญเกิดอุปสัคคะความขัดข้องที่จะเสด็จมาไม่ได้ ข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลายมีความระทวย ระทดสลดเนื้อสลดใจเปนอันมาก”

ซึ่งข้อความดังกล่าวปรากฏใน “จดหมายเหตุระยะทางเสด็จพระราชดำเนินเลียบมณฑลปักษ์ใต้ของสักขี ตั้งแต่วันที่ 4 มิถุนายน ถึงวันที่ 5 สิงหาคม พระพุทธศักราช 2485” ฉบับที่ 8 หน้า 258 ในคราวที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินเลียบมณฑลปักษ์ใต้

กล่าวกันว่าวันพฤหัสบดี ที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ.2458 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวประทับเมืองนครศรีธรรมราช และวันศุกร์ที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ.2458 กำหนดการพระราชทานพระแสงราชศาสตราสำหรับเมืองนครศรีธรรมราช ตั้งองคมนตรี กับการถือน้ำเสือป่ากรมมณฑลนครศรีธรรมราช โดยการพระราชพิธีที่จัดขึ้นนั้นเจ้าพนักงานได้แต่งพลับพลาถาวรในลานวัดพระมหาธาตุมีการตั้งม้าหมู่ทองบนพลับพลาเพื่อประดิษฐานพระไชยเงินหลังช้างของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก และพระไชยเนาวโลหประจำรัชกาลพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว

โดยพระราชพิธีเริ่มเวลาบ่าย 4 โมงครึ่ง พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเครื่องเต็มยศเสือป่ากองม้าหลวงรักษาพระองค์ สอดสายสะพายนพรัตน์ราชวราภรณ์เสด็จพระราชดำเนินโดยกระบวนรถยนต์พระที่นั่งจากพลับพลาค่ายหลวงไปถึงประตูวัดพระมหาธาตุ

ในบันทึกจดหมายเหตุดังกล่าวเมื่ออำมาตย์เอกพระยาประชากิจกรจักร ผู้ว่าราชการเมืองนครศรีธรรมราช อ่านคำกราบบังคมทูลพระกรุณาถวายไชยมงคลในนามของข้าราชการและประชาชนชาวเมืองนครศรีธรรมราชเสร็จแล้วนั้น พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวมีพระราชดำรัสตอบ เป็นใจความว่า

ได้ทรงฟังคำของผู้ว่าเมืองนครศรีธรรมราช กล่าวแสดงความจงรักภักดีในนามของข้าราชการแลประชาชนวันนี้ เปนที่พอพระราชหฤทัยอย่างยิ่ง ที่เมืองนครศรีธรรมราชนี้ ตั้งแต่เคยได้เสด็จพระราชดำเนินมาครั้งก่อนแล้วก็ทรงรู้สึกว่าเปนเมืองสำคัญในพระราชอาณาเขตร เพราะฉะนั้น จึ่งได้มีพระประสงค์อยู่แล้วว่า จะเสด็จพระราชดำเนินมาทรงเยี่ยมให้ทอดพระเนตรเห็นด้วยพระองค์อีกว่า ความเจริญของบ้านเมืองแลความศุขสำราญของประชาชนเปนอยู่อย่างไร เมื่อทอดพระเนตรเห็นความเจริญของบ้านเมืองแลราษฎรของพระองค์ ได้รับความร่มเย็น มีหน้าตาอันเบิกบาน เปนศุขสำราญ ก็ทรงมีพระราชหฤทัยยินดียิ่งนัก

เมื่อทรงรำพึงถึงอดีตกาล เมืองนครศรีธรรมราชเคยเป็นราชธานีมีเจ้าปกครอง ราษฎรได้เห็นผู้มีอิศริยยศใหญ่เปนผู้ปกปักรักษาอยู่ ได้รับความผาสุกมาแล้ว จึ่งเปนการสมควรที่จะได้เห็นเจ้านาย เปนผู้ปกครอง ให้ได้รับความร่มเย็นเปนศุขต่อไป

พระองค์ทรงระลึกอยู่ที่จะทรงทำให้สมความตามตำแหน่งในอดีตภาคไม่ย่อหย่อน และเพื่อแสดงน้ำพระราชหฤทัยหมายดีของพระองค์ที่จะทรงปกครองประชาชนให้ได้รับความร่มเย็นเปนศุขจึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระแสงราชศาสตราซึ่งเปนพระแสงของพระองค์ ไว้สำหรับเมืองนครศรีธรรมราชเปนของต่างพระองค์ เปนพยานแห่งพระราชอำนาจ เพื่อใช้ป้องกันสรรพอันตราย อันจะมาย่ำยีบีฑา แลสำหรับผู้ปกครองใช้เปนอำนาจปราบปรามผู้ทำร้ายแก่อาณาประชาชน 

ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ว่าราชการเมืองแลเจ้าน่าที่ต่างๆ ที่ได้รับพระราชอำนาจแบ่งพระราชทาน ให้ใช้ในทางสุจริตแลยุติธรรม ซื่อตรงต่อน่าที่แลโปรดเกล้าฯ ให้รู้สึกว่า ไม่ใช่แต่ผู้ว่าราชการเมืองผู้เดียว เจ้าน่าที่ราชการแพนกต่างๆ ได้รับแบ่งพระราชอำนาจไว้ด้วยแลให้เปนเครื่องเตือนใจว่า ต่างได้รับภาระอันหนักเพื่อรักษาความศุขสงบเรียบร้อยของประชาชนทั่วไป เมื่อประพฤติแลคิดอยู่เช่นนี้คงมีความเจริญแลความศุข จึ่งพระราชทานพรให้มีความศุขศิริสวัสดิ์ทั่วกัน”

การเสด็จพระราชดำเนินมาทรงประกอบพระราชพิธีสำคัญในวัดพระมหาธาตุวันนี้นั้นราษฎรชาย หญิงคอยเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทหมอบกราบถวายบังคมตามระยะทางอยู่หนาแน่น หน้าบ้านข้าราชการ ราษฎรมีการตั้งเครื่องบูชาสักการะตามที่ผู้จดบันทึกจดหมายเหตุฉบับที่ 8 นี้ได้สังเกตผู้คนพลเมืองนครศรีธรรมราชทั้งชายหญิง เฒ่า แก่ หนุ่มสาว เด็กเล็ก ต่างมีความชื่นชมยินดีที่ได้ชมพระบารมีจนได้ยินผู้เฒ่าคนหนึ่งซึ่งมาคอยอยู่ในลานวัดแต่เช้ามีหน้าตาอันชื่นบานแสดงกิริยาดีอกดีใจ พูดว่า “มาแลบุญท่าน”


อ้างอิง :

มูลนิธิพระบรมราชานุสรณ์ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ในพระบรมราชูปถัมภ์. (2558). จดหมายเหตุระยะทางเสด็จพระราชดำเนินเลียบมณฑลปักษ์ใต้ของสักขี ตั้งแต่วันที่ 4 มิถุนายน ถึงวันที่ 5 สิงหาคม พระพุทธศักราช 2485. กรุงเทพมหานคร : บริษัท โรงพิมพ์กรุงเทพ จำกัด


เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 3 มกราคม 2563