กรุงเทพฯ ที่มีเขมร (จาม) ขุดคูเมือง และลาวสร้างกำแพงพระนคร

ภาพมุมสูง กรุงเทพมหานคร กรุงเทพฯ มองเห็น พระบรมมหาราชวัง สนามหลวง
ภาพมุมสูงของกรุงเทพฯ ที่เห็นบริเวณพระบรมมหาราชวัง, สนามหลวง (ภาพจาก สมุดภาพแห่งกรุงเทพมหานคร 220 ปี, สำนักผังเมืองกรุงเทพมหานคร, 2546)

เมื่อรัชกาลที่ 1 ทรงสถาปนา กรุงเทพฯ เป็นเมืองหลวง การก่อสร้างต่างก็ค่อยๆ เริ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็นพระบรมมหาราชวัง, ประตูและป้อมปราการของพระราชวัง, กำแพงพระนคร ฯลฯ บรรดาฝีมือช่างและแรงงานต่างๆ ก็มีทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ซึ่งในจำนวนนั้นมี เขมร (จาม) ลาว ที่เข้ามาทำงาน และตั้งรกรากอยู่มาในชั้นลูกหลาน

สุจิตต์ วงษ์เทศ เขียนอธิบายไว้ใน กรุงเทพฯ มาจากไหน ว่า

งานก่อสร้างพระนครเริ่มจริงๆ เมื่อ พ.ศ. 2326 พระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์จดว่า โปรดเกล้าฯ ให้ตั้งกองสักเลกไพร่หลวงสมกําลังและเลกหัวเมืองทั้งปวง แล้วให้เกณฑ์ทําอิฐขึ้นใหม่บ้าง ให้ไปรื้ออิฐกําแพงเมืองกรุงเก่าบ้าง ลงมือก่อสร้างพระนคร ทั้งพระบรมมหาราชวังและพระราชวังบวรสถานมงคล

โปรดให้รื้อป้อมวิชเยนทร์และกําแพงเมืองธนบุรีฟากตะวันออก ตรงที่เรียกว่าคลองคูเมืองเดิมออก ขยายพระนครให้กว้างออกไปกว่าเก่า (ถึงตรงที่เป็นคลองบางลําพูปัจจุบัน)

เกณฑ์เขมรเข้ามาขุดคลองคูพระนครด้านตะวันออก ตั้งแต่วัดบางลําพู หรือวัดสังเวชไปออกแม่น้ำข้างใต้ที่วัดเชิงเลนหรือวัดบพิตรพิมุข แล้วพระราชทานชื่อว่าคลองรอบกรุง

ขุดคลองเชื่อมคลองรอบกรุงกับคลองคูเมืองเดิม 2 คลอง คลองหนึ่งคือคลองข้างวัดราชบพิธ อีกคลองหนึ่งข้างวัดราชนัดดากับวัดเทพธิดา ทำสะพานช้างและสะพานน้อยข้ามคลองภายในพระนครหลายตําบล

ขุดคลองใหญ่เหนือวัดสะแก ปัจจุบันคือวัดสระเกศ พระราชทานนามว่าคลองมหานาค เป็นที่สําหรับประชาชนชาวพระนครจะได้ลงเรือไปประชุมเล่นเพลงและสักวาในเทศกาลฤดูน้ำเหมือนอย่างครั้งกรุงศรีอยุธยาเก่า

เขมร ที่ถูกเกณฑ์มีหลายพวก แต่พวกหนึ่งเป็น จาม ที่เข้ารีตอิสลามอยู่ในเมืองเขมร เมื่อขุดคลองคูเมืองและคลองมหานาคแล้ว ก็โปรดให้ตั้งบ้านสองฝั่งคลองสืบมาถึงทุกวันนี้ เรียกบ้านครัว หมายถึงถูกกวาดต้อน มาทั้งครอบครัว เลยเรียก ยกครัว กลายเป็นบ้านครัวในปัจจุบัน

นอกจากนี้ยังโปรดให้เกณฑ์ลาว (คืออีสานทุกวันนี้) เมืองเวียงจัน ตลอดจนหัวเมืองลาวริมแม่น้ำโขงฟากตะวันตก เข้ามาขุดรากก่อกําแพงพระนคร และสร้างป้อมเป็นระยะๆ รอบพระนคร

ลาว ที่ถูกเกณฑ์ทั้งหมดนี้ไม่ได้กลับถิ่นเดิม เพราะการสร้างบ้านแปลงเมืองไม่ได้เสร็จในคราวเดียว หากทําต่อเนื่องหลายรัชกาล พวกที่เกณฑ์มาจึงตั้งหลักแหล่งกระจายทั่วไป ตามแต่นายงานจะสั่งให้อยู่ตรงไหน ทํางานที่ไหน ที่สุดแล้วก็สืบโคตรตระกูลลูกหลานตั้งหลักแหล่งถาวรอยู่ในบางกอกกลาย เป็นคนกรุงเทพฯ

ในเอกสารเก่าบอกว่า พระนครเมื่อแรกสร้างมีกําแพงพระนครและคูพระนครยาว 175 เส้นเศษ (7 กิโลเมตรเศษ) มีเนื้อที่ในกําแพงพระนคร 2,163 ไร่ กําแพงสูงประมาณ 7 ศอก (3.60 เมตร) หนาประมาณ 5 ศอก (2.70 เมตร) มีประตู 63 ประตู เป็นประตูใหญ่ กว้างประมาณ 8 ศอก (4.20 เมตร) สูงประมาณ 9 ศอก (4.50 เมตร) 16 ประตู เป็นประตูช่องกุด (ประตูเล็ก) กว้างประมาณ 5 ศอก (2.70 เมตร) สูงประมาณ 4 ศอกคืบ (2.40 เมตร) 47 ประตู มีป้อม 14 ป้อม

ทุกวันนี้เหลือซากอยู่สองป้อม คือป้อมพระสุเมรุกับป้อมมหากาฬ

นอกจากนั้นยังมีประตูเข้าออกอยู่ระหว่างป้อม เช่น ประตูสามยอด เป็นประตูใหญ่มีสามยอด กับประตูเล็กเรียกประตูช่องกุดเป็นระยะๆ แล้ว ยังมีประตูผีเป็นช่องขนศพจากในเมืองไปเผานอกเมืองด้วย

กําแพงพระนครด้านแม่น้ำเจ้าพระยาที่เป็นวังหลวงกับวังหน้า จะใช้กําแพงวังเป็นกําแพงป้องกันพระนครเช่นเดียวกับพระนครศรีอยุธยา

ในเวลาเมื่อทําการสร้างกําแพงพระนครนั้น พระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์จดว่า จะสร้างสะพานช้างข้ามคลองรอบกรุง แต่พระผู้ใหญ่สมัยนั้นถวายพระพรทักท้วงว่าจะเป็นอันตรายต่อพระนคร เลยให้งดไว้ไม่สร้าง ดังนี้

อ่านเพิ่มเติม :

สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่


ข้อมูลจาก :

สุจิตต์ วงษ์เทศ. กรุงเทพฯ มาจากไหน, สำนักพิมพ์มติชน พิมพ์ครั้งแรก กุมภาพันธ์ 2548


เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 27 พฤศจิกายน 2562