เจ้านาย-ภริยาขุนนาง ผู้ “แช่ง” รัชกาลที่ 4-5 กับวลี “นี่พ่อจะอยู่ไปได้อีกสักเท่าไหร่?”

พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เจ้าฟ้าจุฬาลงกรณ์
พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงฉายพระรูปกับเจ้าฟ้าจุฬาลงกรณ์ (พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว)

เมื่อ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 และ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ทรงได้รับคำ “แช่ง” จากเจ้านายและภริยาขุนนาง ดังความว่า

“…พ่อได้รับราชสมบัติในเวลาอายุเพียง 15 ปีเท่านั้น เหมือนตะเกียงริบหรี่จวนจะดับ…”

เป็นความตอนหนึ่งในพระราชหัตถเลขา รัชกาลที่ 5 มีพระบรมราโชวาทพระราชทาน สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ สยามมกุฎราชกุมาร เมื่อ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2436 (ร.ศ. 112) ที่ทรงพรรณนาถึงความทุกข์ยากหลายประการที่เสมือนมรสุมหนักในชีวิตของพระองค์

ด้วยเหตุผลประการสำคัญคือ เมื่อขึ้นครองราชย์ขณะทรงมีพระชนมายุเพียง 15 พรรษา ต้องทรงแบกรับพระราชภาระหลายประการ อีกทั้งต้องทรงเผชิญความกดดันทางการเมืองอย่างหนัก จากสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค) หรือ สมเด็จช่วงฯ (ขณะนั้นเป็นเจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์ ที่สมุหพระกลาโหม) ผู้สำเร็จราชการที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดในสยาม

สมเด็จช่วงฯ เป็นผู้ที่มีอำนาจและอิทธิพลสูงมาก ในหนังสือ ประวัติต้นรัชกาลที่ 6 พระราชนิพนธ์ของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ก็ทรงเล่าถึงสมเด็จช่วงฯ ไว้ อันสะท้อนให้เห็นถึงอำนาจของเจ้าพระยาผู้นี้ กล่าวคือ สมเด็จช่วงฯ จะไม่ออกพระนาม “สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว” เรียกรัชกาลที่ 4 และรัชกาลที่ 5 จนกว่าจะได้ประกอบพระราชพิธีบรมราชาภิเษกแล้ว

โดยเหตุที่สมเด็จช่วงฯ ไม่ยอมเรียกรัชกาลที่ 5 ว่า “สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว” นั้น “…เพราะเขานึกว่าทูลกระหม่อมจะสวรรคตเสียก่อนที่จะได้ราชาภิเษก…”

เหตุที่เชื่อว่ารัชกาลที่ 5 จะเสด็จสวรรคตไม่นานหลังจากครองราชย์นั้น เพราะทรงมีอาการประชวรในช่วงเวลาเดียวกับรัชกาลที่ 4 เมื่อใกล้เสด็จสวรรคต ผู้ที่มีความคิดนั้นคือ คุณหญิงพัน ภริยาคนหนึ่งของสมเด็จช่วงฯ

โดยรัชกาลที่ 6 ทรงอธิบายว่ารัชกาลที่ 5 ตรัสเล่าให้พระองค์ฟัง ความว่า “…เมื่อพระองค์ท่าน [หมายถึงรัชกาลที่ 5 – กองบรรณาธิการศิลปวัฒนธรรม] กำลังบรรทมประชวรอยู่ในพระฉากในพระที่นั่งอมรินทร์นั้น, คุณหญิงพันเมียสมเด็จเจ้าพระยาได้เข้าไปยืนอยู่บนทางพระเจ้า, แล้วแลพูดว่า. ‘พ่อคุ๊ณ น่าสงสาร นี่พ่อจะอยู่ไปได้อีกสักเท่าไหร่?’…”

ครั้นเมื่อเวลาผ่านไป คุณหญิงพันผู้นี้เสียชีวิต รัชกาลที่ 5 เสด็จพระราชดำเนินไปพระราชทานเพลิงศพ พระองค์ได้ทรงเคาะโกศแล้วตรัสว่า “…ยายพัน, แกเคยถามว่าฉันจะอยู่ไปได้อีกสักเท่าไร. วันนี้ฉันมาตอบแกว่าฉันอยู่มาได้นานพอที่จะมาในงานศพของแกแล้วละ, จะว่าอย่างไร?…”

ย้อนกลับไปในสมัยรัชกาลที่ 4 เมื่อแรกที่ทรงครองราชย์ก็เคยมีผู้มากล่าววาจาเชิงเสียดสีสาปแช่งพระองค์ท่าน เช่นเดียวกับที่คุณหญิงพันกล่าวเสียดสีรัชกาลที่ 5 ผู้นั้นคือ หม่อมเจ้าทินกร เสนีวงศ์

หม่อมเจ้าทินกรเป็นผู้รู้ตำราหมอดู ได้ทำนายถึงดวงพระชะตาแห่งพระราชบัลลังก์ของรัชกาลที่ 4 ตามที่รัชกาลที่ 5 ทรงมีพระราชหัตถเลขาเล่าไว้ ความว่า “ครั้นแผ่นดินทูลกระหม่อม [หมายถึงรัชกาลที่ 4 – กองบรรณาธิการศิลปวัฒนธรรม] เจ้าทินกรเป็นผู้ชิงชังทำนายแช่งอยู่ว่าจะไม่ได้ดำรงอยู่ในราชสมบัติเกิน 3 ปี…” 

แม้หม่อมเจ้าทินกรจะเป็นผู้ “ทำนายแช่ง” รัชกาลที่ 4 จะด้วย “แช่ง” จริง หรือดูตามโหราศาสตร์มานั้นก็ไม่อาจทราบได้ แต่เรื่องนี้ไม่ได้ทำให้รัชกาลที่ 4 ทรงติดใจเอาความ เพราะเมื่อได้ทรงพบปะกับหม่อมเจ้าองค์นี้ก็ทรงรับสั่งทักบ้าง เมื่อสิ้นชีพิตักษัยไปแล้ว รัชกาลที่ 4 ก็มีพระมหากรุณาธิคุณเสด็จพระราชดำเนินไปพระราชเพลิงศพ

พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงครองราชย์นานกว่า 17 ปี และพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระชนมายุถึง 57 พรรษา นี่เป็นข้อพิสูจน์ได้ชัดว่า คำพูดของคนเป็นแค่ลมปาก การกระทำต่างหากที่พิสูจน์คุณค่าของคน

อ่านเพิ่มเติม :

สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่ 


อ้างอิง :

ราม วชิราวุธ. (2546). ประวัติต้นรัชกาลที่ 6. พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพฯ : มติชน.

พระราชนิพนธ์และพระนิพนธ์. (2523). พิมพ์เนื่องในงานฉลองพระชันษา หม่อมเจ้าพูนพิศมัย ดิศกุล ครบ 84 พรรษา 17 กุมภาพันธ์ 2523. กรุงเทพฯ : ชวนพิมพ์.


เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 17 กันยายน 2562