รัชกาลที่ 1 ทรงรออะไรถึง 2 ปี ถึงขุดหีบศพ “พระเจ้าตาก” มาเผา?

พระบรมราชานุสาวรีย์ พระเจ้าตาก พระเจ้ากรุงธนบุรี วงเวียนใหญ่ อนุสาวรีย์พระเจ้าตาก สมเด็จพระเจ้าตากสิน
พระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสิน ณ วงเวียนใหญ่ ธนบุรี

รัชกาลที่ 1 ทรงรออะไรถึง 2 ปี ถึงขุดหีบศพ “พระเจ้าตาก” มาเผา?

สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช หรือ “พระเจ้าตาก” หรือ สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี ทรงมีบทบาทตั้งแต่เป็นขุนนางในสมัยปลายกรุงศรีอยุธยา ช่วยป้องกันทัพพม่าในสงครามเสียกรุงครั้งที่ 2 แต่เมื่อพระองค์ทรงคาดคะเนดูแล้วว่าเหลือกำลังกว่าที่จะต้านศึกครั้งนี้ไว้ได้ จึงทรงรวบรวมไพร่พลตีฝ่าทัพพม่าไปตั้งหลักที่หัวเมืองชายทะเลฝั่งตะวันออกก่อนกรุงแตกเพียงไม่นาน

เมื่อกรุงศรีอยุธยาถูกพม่ายึดได้สำเร็จ หัวเมืองสำคัญต่างตั้งตนเป็นเจ้าแบ่งเป็นชุมนุมต่างๆ พระเจ้าตาก จึงทรงรวบรวมกำลังพลไทย-จีน และอาวุธยุทโธปกรณ์จากหัวเมืองตะวันออก ยกทัพกลับเข้าตีค่ายนายทองอิน ซึ่งพม่าตั้งไว้ให้รักษาเมืองธนบุรี และตีค่ายพม่าที่โพธิ์สามต้นได้สำเร็จจึงปราบดาภิเษก และตั้งเมืองกรุงธนบุรีเป็นราชธานี

วีรกรรมของพระองค์คือการทำศึกขับไล่ทัพพม่า และกู้เอกราชหลังจากสงครามเสียกรุงครั้งที่ 2 ได้สำเร็จ ปราบปรามชุมนุมต่างๆ ให้ขึ้นต่อกรุงธนบุรี จนบ้านเมืองเป็นปึกแผ่นอีกครั้ง สถาปนาพระราชวงศ์ แต่งตั้งข้าราชมนตรี ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา สถาปนาพระราชาคณะ ปฏิสังขรณ์พระอาราม ตลอดจนด้านงานศิลปะได้ให้การสนับสนุนกวีในราชสำนัก

อีกทั้ง พระเจ้าตาก ยังทรงพระราชนิพนธ์บทละครเรื่องรามเกียรติ์ไว้ 4 ตอน คือ ตอนพระมงกุฎ ตอนหนุมานเกี้ยววาริน จนถึงท้าวมาลีวราชมา ตอนท้าวมาลีวราชพิพากษาความจนถึงทศกัณฐ์เข้าเมือง และตอนทศกัณฐ์ตั้งพิธีทรายกรด พระลักษมณ์ต้องหอกกบิลพัสดุ์ จนถึงผูกผมทศกัณฐ์กับนางมณโฑ

ช่วงปลายรัชกาล พระราชพงศาวดารได้บันทึกว่า พระองค์พระจริตฟั่นเฟือน เหล่าราษฎรได้รับความทุกข์ร้อน “ฝ่ายการแผ่นดินข้างกรุงธนบุรีนั้นผันแปรต่างๆ เหตุพระเจ้าแผ่นดินทรงนั่งพระกรรมฐานเสียพระสติ พระจริตก็ฟั่นเฟือนไป ฝ่ายพระพุทธจักรและอาณาจักรทั้งปวงเล่า ก็แปรปรวนวิปริตมิได้ปกติเหมือนแต่ก่อน”

ผนวกกับเกิดกบฏพระยาสรรค์ กรุงธนบุรีจึงเป็นจลาจล ขณะนั้นเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกยกทัพไปกัมพูชา จึงรีบยกทัพกลับมาปราบจลาจลในกรุงธนบุรี เมื่อมาถึงแล้วได้ปรึกษากับมุขมนตรีทั้งหลายเห็นว่า ได้สร้างความเดือดร้อนต่อบ้านเมือง จึงรับสั่งให้สำเร็จโทษเสีย ปรากฏในพระราชพงศาวดาร ดังนี้

“โทษตัวจะมีเป็นประการใดจงให้การไปให้แจ้ง และเจ้าตากสินก็รับผิดทั้งสิ้นทุกประการ จึงมีรับสั่งให้เอาตัวไปประหารชีวิตสำเร็จโทษเสีย เพชฌฆาตกับผู้คุมก็ลากเอาตัวขึ้นแคร่หามไปกับทั้งสังขลิกพันธนาการ เจ้าตากจึงว่าแก่ผู้คุมเพชฌฆาตว่า ตัวเราก็สิ้นบุญจะถึงที่ตายอยู่แล้ว ช่วยพาเราแวะเข้าไปหาท่านผู้สำเร็จราชการ จะขอเจรจาด้วยสักสองสามคำ ผู้คุมก็หามเข้ามา ได้ทอดพระเนตรเห็น จึงโบกพระหัตถ์มิให้นำมาเฝ้า ผู้คุมและเพชฌฆาตก็หามออกไปนอกพระราชวังถึงหน้าป้อมวิชัยประสิทธิ์ ก็ประหารชีวิตตัดศีรษะถึงแก่พิราลัย จึงรับสั่งให้เอาศพไปฝังไว้ ณ วัดบางยี่เรือใต้ และเจ้าตากสินขณะเมื่อสิ้นบุญถึงทำลายชีพนั้นอายุได้สี่สิบแปดปี”

เจดีย์บรรจุพระบรมอัฐิพระเจ้าตากสิน กับพระอัครมเหสี อยู่หน้าพระอุโบสถเดิม วัดอินทาราม ธนบุรี
เจดีย์บรรจุพระบรมอัฐิพระเจ้าตากสิน กับพระอัครมเหสี อยู่หน้าพระอุโบสถเดิม วัดอินทาราม ธนบุรี

จากเหตุการณ์สำเร็จโทษ สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี ข้างต้นคือ ปีขาล จ.ศ. 1144 จดหมายเหตุโหรบันทึกว่า เจ้าตากดับขันธ์ ชนมายุ 48 ปี กับ 15 วัน ตรงกับวันที่ 6 เมษายน 2325 เป็นวันเดียวกับเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกปราบดาภิเษกเป็น รัชกาลที่ 1 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์

ต่อมาใน พ.ศ. 2327 พระนามพระเจ้าตากถูกกล่าวถึงอีกครั้ง หลังจากที่พระองค์ได้รับการสำเร็จโทษแล้ว 2 ปี พระราชพงศาวดารได้บันทึกว่า รัชกาลที่ 1 และสมเด็จกรมพระราชวังบวรฯ มีดำรัสให้ขุดหีบศพขึ้นมาเพื่อทำพิธี ปรากฏในพระราชพงศาวดาร ดังนี้

“ฝ่ายข้างกรุงเทพมหานคร สมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัวทั้งสองพระองค์ดำรัสให้ขุดหีบศพเจ้าตากขึ้นตั้งไว้ ณ เมรุวัดบางยี่เรือใต้ ให้มีการมหรสพและพระราชทานพระสงฆ์บังสุกุล เสด็จพระราชดำเนินไปพระราชทานเพลิงศพทั้งสองพระองค์”

ระยะเวลา 2 ปี นับแต่สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชสวรรคต ถึงได้รับการขุดหีบศพขึ้นมาทำพิธี เนื้อความในพระราชพงศาวดารไม่ได้ให้เหตุผลหรือความน่าจะเป็นใดๆ ในการขุดขึ้นมาทำพิธี อีกทั้งในสมัยกรุงศรีอยุธยาก็ไม่มีขนบการขุดศพเจ้านายที่ได้รับการสำเร็จโทษขึ้นมาทำพิธี

อย่างไรก็ตาม ปรามินทร์ เครือทอง นักวิชาการที่เชี่ยวชาญเรื่องพระราชประวัติสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ได้วิเคราะห์ไว้อย่างน่าสนใจว่า ในระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมานั้น สถานการณ์การเมืองเริ่มเข้ารูปเข้ารอย การชำระโทษขุนนางชุดเก่าท่ี่กระด้างกระเดื่อง และการแต่งตั้งขุนนางชุดใหม่ ส่งผลสงบเรียบร้อยทางการเมือง มีการโยกย้ายแต่งตั้งฐานอำนาจใหม่ รวมถึงปูนบำเหน็จให้ข้าหลวงเดิมที่มีส่วนร่วมในการเปลี่ยนแปลง

นอกจากนี้ ยังทำพิธียกหลักเมือง สร้างพระบรมมหาราชวัง ทำพระราชพิธีปราบดาภิเษกพอสังเขป ตั้งพระบรมวงศานุวงศ์ทั้งฝ่ายหน้าฝ่ายใน แต่งตั้งขุนนาง ชำระพระสงฆ์ และสถาปนาพระราชาคณะ เหล่านี้ล้วนเป็นเหตุการณ์ในช่วง 1 ปีแรกหลังจากพระเจ้าตากสวรรคต

เหตุการณ์ในปีถัดมาคือ พ.ศ. 2326 เหตุการณ์สำคัญในปีนี้ไม่เท่ากับในปีแรก แต่มีการโปรดให้สร้างวัดพระศรีรัตนศาสดารามขึ้นในพระบรมมหาราชวัง เหตุการณ์ในช่วงปีที่ 2 จึงมีสภาพสงบเรียบร้อย กระทั่ง พ.ศ. 2327 จึงมีการขุดหีบศพสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชขึ้นมาทำพิธี

ปรามินทร์ได้สรุปเหตุผลทางประวัติศาสตร์ที่ รัชกาลที่ 1 ทรงรอถึง 2 ปีว่า สิ่งสำคัญคือเหตุการณ์หลังจากขุดหีบศพขึ้นมาทำพิธีแล้ว คือเหตุการณ์การยกยอดเอกพระมหาปราสาท อัญเชิญพระแก้วมรกตข้ามฟากมาประดิษฐานในพระอุโบสถ สมโภชวัดพระศรีรัตนศาสดาราม พร้อมฉลองพระนคร แล้วพระราชทานนามใหม่ว่า กรุงเทพมหานครฯ เหตุการณ์เหล่านี้ล้วนเป็นเรื่องมงคล

การขุดหีบศพ สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี มาทำพิธี จึงทำให้เรื่องราวของพระองค์แผ่นดินเดิมจบลง ก่อนที่จะเกิดแผ่นดินใหม่ด้วยความเป็นสิริมงคล 

อ่านเพิ่มเติม :

สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่


หมายเหตุ : คัดเนื้อหาบางส่วนจากบทความ “รัชกาลที่ 1 รออะไรถึง 2 ปี ถึงขุดหีบศพพระเจ้าตากฯ มาเผา ‘หรือว่าพระเจ้าตากฯ ยังไม่ตาย’ เรื่องเล่าจากช่องว่างทางประวัติศาสตร์” ในศิลปวัฒนธรรม ฉบับเมษายน 2559


เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 6 ตุลาคม 2559