ที่มา | ศิลปวัฒนธรรม ฉบับเมษายน 2559 |
---|---|
ผู้เขียน | ปฐมพงษ์ สุขเล็ก |
เผยแพร่ |
รัชกาลที่ 1 ทรงรออะไรถึง 2 ปี ถึงขุดหีบศพ “พระเจ้าตาก” มาเผา?
สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช หรือ “พระเจ้าตาก” หรือ สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี ทรงมีบทบาทตั้งแต่เป็นขุนนางในสมัยปลายกรุงศรีอยุธยาช่วยป้องกันทัพพม่าในสงครามเสียกรุงครั้งที่ 2 แต่เมื่อพระองค์ทรงคาดคะเนดูแล้วว่าเหลือกำลังกว่าที่จะต้านศึกครั้งนี้ไว้ได้ พระองค์ทรงได้รวบรวมไพร่พลตีฝ่าทัพพม่าไปตั้งหลักที่หัวเมืองชายทะเลฝั่งตะวันออกก่อนกรุงแตกเพียงไม่นาน เมื่อกรุงศรีอยุธยาถูกพม่ายึดได้สำเร็จ หัวเมืองสำคัญต่างตั้งตนเป็นเจ้าแบ่งเป็นชุมนุมต่างๆ พระเจ้าตาก จึงทรงรวบรวมกำลังพลไทย-จีน และอาวุธยุทโธปกรณ์จากหัวเมืองตะวันออกยกทัพกลับเข้าตีค่ายนายทองอิน ซึ่งพม่าตั้งไว้ให้รักษาเมืองธนบุรี และตีค่ายพม่าที่โพธิ์สามต้นได้สำเร็จจึงปราบดาภิเษก และตั้งเมืองกรุงธนบุรีเป็นราชธานี
วีรกรรมของพระองค์คือการทำศึกขับไล่ทัพพม่า และกู้เอกราชหลังจากสงครามเสียกรุงครั้งที่ 2 ได้สำเร็จ ปราบปรามชุมนุมต่างๆ ให้ขึ้นต่อกรุงธนบุรีจนบ้านเมืองเป็นปึกแผ่นอีกครั้ง สถาปนาพระราชวงศ์ แต่งตั้งข้าราชมนตรี ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา สถาปนาพระราชาคณะ ปฏิสังขรณ์พระอาราม ตลอดจนด้านงานศิลปะได้ให้การสนับสนุนกวีในราชสำนัก อีกทั้ง พระเจ้าตาก ยังทรงพระราชนิพนธ์บทละครเรื่องรามเกียรติ์ไว้ 4 ตอน คือ ตอนพระมงกุฎ ตอนหนุมานเกี้ยววาริน จนถึงท้าวมาลีวราชมา ตอนท้าวมาลีวราชพิพากษาความจนถึงทศกัณฐ์เข้าเมือง และตอนทศกัณฐ์ตั้งพิธีทรายกรด พระลักษมณ์ต้องหอกกบิลพัสดุ์ จนถึงผูกผมทศกัณฐ์กับนางมณโฑ
ช่วงปลายรัชกาล พระราชพงศาวดารได้บันทึกว่าพระองค์พระจริตฟั่นเฟือน เหล่าราษฎรได้รับความทุกข์ร้อน “ฝ่ายการแผ่นดินข้างกรุงธนบุรีนั้นผันแปรต่างๆ เหตุพระเจ้าแผ่นดินทรงนั่งพระกรรมฐานเสียพระสติ พระจริตก็ฟั่นเฟือนไป ฝ่ายพระพุทธจักรและอาณาจักรทั้งปวงเล่า ก็แปรปรวนวิปริตมิได้ปกติเหมือนแต่ก่อน”
ผนวกกับเกิดกบฏพระยาสรรค์ กรุงธนบุรีจึงเป็นจลาจล ขณะนั้นเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกยกทัพไปกัมพูชา จึงรีบยกทัพกลับมาปราบจลาจลในกรุงธนบุรี เมื่อมาถึงแล้วได้ปรึกษากับมุขมนตรีทั้งหลายเห็นว่าได้สร้างความเดือดร้อนต่อบ้านเมือง จึงรับสั่งให้สำเร็จโทษเสีย ปรากฏในพระราชพงศาวดาร ดังนี้
“โทษตัวจะมีเป็นประการใดจงให้การไปให้แจ้ง และเจ้าตากสินก็รับผิดทั้งสิ้นทุกประการ จึงมีรับสั่งให้เอาตัวไปประหารชีวิตสำเร็จโทษเสีย เพชฌฆาตกับผู้คุมก็ลากเอาตัวขึ้นแคร่หามไปกับทั้งสังขลิกพันธนาการ เจ้าตากจึงว่าแก่ผู้คุมเพชฌฆาตว่า ตัวเราก็สิ้นบุญจะถึงที่ตายอยู่แล้ว ช่วยพาเราแวะเข้าไปหาท่านผู้สำเร็จราชการ จะขอเจรจาด้วยสักสองสามคำ ผู้คุมก็หามเข้ามา ได้ทอดพระเนตรเห็น จึงโบกพระหัตถ์มิให้นำมาเฝ้า ผู้คุมและเพชฌฆาตก็หามออกไปนอกพระราชวังถึงหน้าป้อมวิชัยประสิทธิ์ ก็ประหารชีวิตตัดศีรษะถึงแก่พิราลัย จึงรับสั่งให้เอาศพไปฝังไว้ ณ วัดบางยี่เรือใต้ และเจ้าตากสินขณะเมื่อสิ้นบุญถึงทำลายชีพนั้นอายุได้สี่สิบแปดปี”

จากเหตุการณ์สำเร็จโทษ สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี ข้างต้นคือ ปีขาล จ.ศ. 1144 จดหมายเหตุโหรบันทึกว่า เจ้าตากดับขันธ์ ชนมายุ 48 ปี กับ 15 วัน ตรงกับวันที่ 6 เมษายน 2325 เป็นวันเดียวกับเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกปราบดาภิเษกเป็น รัชกาลที่ 1 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์
ต่อมาใน พ.ศ. 2327 พระนามพระเจ้าตากถูกกล่าวถึงอีกครั้ง หลังจากที่พระองค์ได้รับการสำเร็จโทษแล้ว 2 ปี พระราชพงศาวดารได้บันทึกว่า รัชกาลที่ 1 และสมเด็จกรมพระราชวังบวรฯ มีดำรัสให้ขุดหีบศพขึ้นมาเพื่อทำพิธี ปรากฏในพระราชพงศาวดาร ดังนี้
“ฝ่ายข้างกรุงเทพมหานคร สมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัวทั้งสองพระองค์ดำรัสให้ขุดหีบศพเจ้าตากขึ้นตั้งไว้ ณ เมรุวัดบางยี่เรือใต้ ให้มีการมหรสพและพระราชทานพระสงฆ์บังสุกุล เสด็จพระราชดำเนินไปพระราชทานเพลิงศพทั้งสองพระองค์”
ระยะเวลา 2 ปี ระหว่างที่สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชสวรรคตถึงได้รับการขุดหีบศพขึ้นมาทำพิธี เนื้อความในพระราชพงศาวดารไม่ได้ให้เหตุผลหรือความน่าจะเป็นใดๆ ในการขุดขึ้นมาทำพิธี อีกทั้งในสมัยกรุงศรีอยุธยาก็ไม่มีขนบการขุดศพเจ้านายที่ได้รับการสำเร็จโทษขึ้นมาทำพิธี
อย่างไรก็ตาม ปรามินทร์ เครือทอง นักวิชาการที่เชี่ยวชาญเรื่องพระราชประวัติสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ได้วิเคราะห์ไว้อย่างน่าสนใจว่า ในระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมานั้น ส่งผลให้สถานการณ์การเมืองเริ่มเข้ารูปเข้ารอย การชำระโทษขุนนางชุดเก่าท่ี่กระด้างกระเดื่อง และการแต่งตั้งขุนนางชุดใหม่ ส่งผลสงบเรียบร้อยทางการเมือง มีการโยกย้ายแต่งตั้งฐานอำนาจใหม่ รวมถึงปูนบำเหน็จให้ข้าหลวงเดิมที่มีส่วนร่วมในการเปลี่ยนแปลง นอกจากนี้ ยังทำพิธียกหลักเมือง สร้างพระบรมมหาราชวัง ทำพระราชพิธีปราบดาภิเษกพอสังเขป ตั้งพระบรมวงศานุวงศ์ทั้งฝ่ายหน้าฝ่ายใน แต่งตั้งขุนนาง ชำระพระสงฆ์ และสถาปนาพระราชาคณะ เหล่านี้ล้วนเป็นเหตุการณ์ในช่วง 1 ปีแรกหลังจากพระเจ้าตากสวรรคต
เหตุการณ์ในปีถัดมาคือ พ.ศ. 2326 เหตุการณ์สำคัญในปีนี้ไม่เท่ากับในปีแรก แต่มีการโปรดให้สร้างวัดพระศรีรัตนศาสดารามขึ้นในพระบรมมหาราชวัง เหตุการณ์ในช่วงปีที่ 2 จึงมีสภาพสงบเรียบร้อย กระทั่ง พ.ศ. 2327 จึงมีการขุดหีบศพสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชขึ้นมาทำพิธี
ปรามินทร์ได้สรุปเหตุผลทางประวัติศาสตร์ที่ รัชกาลที่ 1 ทรงรอถึง 2 ปีว่า สิ่งสำคัญคือเหตุการณ์หลังจากขุดหีบศพขึ้นมาทำพิธีแล้ว คือเหตุการณ์การยกยอดเอกพระมหาปราสาท อัญเชิญพระแก้วมรกตข้ามฟากมาประดิษฐานในพระอุโบสถ สมโภชวัดพระศรีรัตนศาสดาราม พร้อมฉลองพระนครแล้วพระราชทานนามใหม่ว่า กรุงเทพมหานครฯ เหตุการณ์เหล่านี้ล้วนเป็นเรื่องมงคล
การขุดหีบศพ สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี มาทำพิธี จึงทำให้เรื่องราวของพระองค์แผ่นดินเดิมจบลง ก่อนที่จะเกิดแผ่นดินใหม่ด้วยความเป็นสิริมงคล
อ่านเพิ่มเติม :
- ไขปริศนา พระเจ้าตาก “บ้า” จริงหรือ!?
- ไขปริศนา พระเจ้าตาก “บวช” จริงไหม?
- เรื่องเล่า “พระเจ้าตาก” คิดประทุษร้ายรัชกาลที่ 1 ช่วงก่อนคลั่ง มาจากไหน?
- ทำไมรัชกาลที่ 1 ไม่ให้พระเจ้าตากฯ เข้าเฝ้าครั้งสุดท้าย สำรวจวรรณกรรมพระประวัติ
หมายเหตุ : คัดเนื้อหาบางส่วนจากบทความ “รัชกาลที่ 1 รออะไรถึง 2 ปี ถึงขุดหีบศพพระเจ้าตากฯ มาเผา ‘หรือว่าพระเจ้าตากฯ ยังไม่ตาย’ เรื่องเล่าจากช่องว่างทางประวัติศาสตร์” ในศิลปวัฒนธรรม ฉบับเมษายน 2559
เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 6 ตุลาคม 2559