กำเนิดวิหารนอเทรอดาม 850 ปีตัวแทนความงามของปารีสที่ถูกไฟไหม้ ยอดแหลมสูงพังในไม่กี่นาที

ชาวเมือง ปารีส ตกปลา ริมแม่น้ำ Seine ฉากหลังเป็น วิหารนอเทรอดาม
ชาวเมืองปารีสตกปลาริมฝั่งแม่น้ำ Seine เมื่อปี 1947 โดยมีฉากหลังเป็นวิหารนอเทรอดาม (ภาพจาก AFP)

วิหารนอเทรอดาม วิหารเก่าแก่ในศตวรรษที่ 12 อายุรวมกว่า 800 ปีถูกเพลิงไหม้เสียหายในช่วงเช้ามืดของวันที่ 16 เมษายน 2019 (ตามเวลาในไทย) เป็นอีกหนึ่งอัคคีภัยที่นำความเศร้าสลดมาสู่ชาวฝรั่งเศสหรือแม้แต่นักท่องเที่ยวต่างถิ่น

รายงานข่าวจากสื่อต่างประเทศเผยว่า วิหารนอเทรอดาม ในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เริ่มมีเพลิงลุกไหม้เมื่อเวลา 18.00 น. ของวันจันทร์ที่ 15 เมษายน 2019 (ตามเวลาท้องถิ่น) และเริ่มลุกลามทำลายโครงสร้างในส่วนที่เป็นไม้อย่างรวดเร็ว หลังเพลิงลุกไหม้ไม่นาน ยอดแหลมของวิหารก็พังถล่มลงมาดังที่มีภาพเผยแพร่ในสื่อต่างประเทศ สื่อบางแห่งรายงานว่า หลังพบเห็นควันไฟจากปลายยอดแหลมประมาณ 17.50 น. ตามเวลาท้องถิ่น ก็เริ่มมีไฟลุกขึ้นต่อเนื่อง หลังจากนั้นประมาณ 60 นาที ยอดแหลมก็พังลงมา อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีการเปิดเผยสาเหตุของเพลิงไหม้ในครั้งนี้อย่างเป็นทางการ

ชมคลิปช่วงไฟไหม้ได้ที่ https://www.facebook.com/ABCNews/videos/2234341553497809/

ในเบื้องต้น รายงานข่าวจากสื่อหลายแห่งระบุว่า เพลิงเริ่มต้นลุกลามจากจุดคานที่เป็นโครงสร้างภายในซึ่งทำจากไม้ โดยโครงสร้างภายในเหล่านี้เก่าแก่ถึงยุคกลาง และเป็นที่รู้จักกันในชื่อ “The Forest” คาดการณ์ว่าใช้ต้นไม้มากถึง 1,300 ต้น เพื่อมาสร้างเป็นคานของวิหารเก่าแก่แห่งนี้ ขณะที่เหตุเพลิงไหม้ในครั้งล่าสุดไม่มีผู้เสียชีวิต มีเพียงรายงานเรื่องนักผจญเพลิงได้รับบาดเจ็บรุนแรง

คานของวิหารนอเทรอดาม ที่มีอายุเก่าแก่กว่า 850 ปีนั้นสร้างจากไม้ คานไม้เหล่านี้เป็นโครงสร้างภายในที่ถือเป็นฐานรากสำหรับหลังคาที่มีลักษณะเป็นยอดแหลมสูงจากพื้นกว่า 300 ฟุต หลังจากเกิดเพลิงไหม้ เจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่า พื้นที่ส่วนหลังคาเสียหายหมดโดยไม่เหลือซากจากที่ถูกไฟเผาอย่างสิ้นเชิง แต่มีรายงานบางแหล่งประเมินความเสียหายส่วนหลังคาว่า เสียหาย 2 ใน 3 และมีคลิปวิดีโอเผยแพร่แสดงให้เห็นว่าส่วนยอดแหลมสูงหักกลางและพังลงมา

ก่อนหน้าเหตุสลดในครั้งนี้ โครงสร้างไม้ของวิหารเป็นหัวข้อที่หลายฝ่ายแสดงความกังวลมาระยะหนึ่งแล้ว และมีการพูดคุยเรื่องโปรเจ็กต์บูรณะวิหารด้วยงบประมาณ 6.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อฟื้นฟูวิหารที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ โดยสัปดาห์ก่อนหน้าเหตุเพลิงไหม้ ทีมงานเพิ่งขนย้ายรูปปั้นก่อนหน้าการทำงานบนหลังคายอดแหลมและปิดปรับปรุงพื้นที่บางจุด

วิหารนอเทรอดาม เริ่มก่อสร้างขึ้นเมื่อปี 1160 และใช้เวลายาวนานไปจนถึงปี 1245 กว่าที่โครงสร้างหลักของวิหารจะเสร็จสมบูรณ์ แคโรไลน์ บรูเซเลียส นักประวัติศาสตร์ผู้จัดทำรายงานว่าด้วยข้อมูลเกี่ยวกับวิหารเก่าแก่แห่งนี้เมื่อปี 1987 แสดงความคิดเห็นในรายงานว่า วิหารแห่งนี้ถือเป็นตัวแทนของความสำคัญในทางประวัติศาสตร์และทางศิลปะ โดยเฉพาะในยุคสิ่งก่อสร้างแบบกอธิก (Gothic) ซึ่งวิหารแห่งนี้สูง ยาว และกว้างกว่าโบสถ์อื่นที่เคยสร้างมาในยุคก่อนหน้านี้ ขณะเดียวกันการก่อสร้างก็ใช้เทคนิคมากมายที่ก้าวหน้ากว่าด้วย

ผู้ที่วางฐานรากหินของวิหารคือโป๊ปอเล็กซานเดอร์ที่ 3 เมื่อปี 1163 หลังจากนั้นก็เริ่มต่อเติมตามมาและสร้างเสร็จสิ้นในปี 1250 อย่างไรก็ตาม งานสร้างต่อเติมยังดำเนินต่อเนื่องไปอีกนับ 100 ปี โดยระหว่างช่วงเวลานั้นมีการสร้างส่วนต่างๆ อาทิ โรงสวด และอีกหลายจุดตามมา

เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของวิหารระบุว่า หลายร้อยปีที่ผ่านมา วิหารได้รับความเสียหายอยู่เรื่อยมา โดยเฉพาะในศตวรรษที่ 16 เมื่อกลุ่มอูเกอโนต์ (Huguenots) หรือคริสเตียนฝรั่งเศสที่นับถือเทววิทยาปฏิรูป และกษัตริย์ฝรั่งเศส เข้ามาทำลายและเปลี่ยนแปลงวิหารหลายประการ โครงสร้างภายนอกของวิหารถูกเคลื่อนย้ายออกเพราะถือว่าเป็นการเคารพและบูชารูปปั้น ขณะที่สุสานและกระจกสีก็ถูกทำลายโดยอ้างเรื่องการทำให้เป็นสมัยใหม่ ในช่วงปฏิวัติฝรั่งเศส วิหารถูกแปรสภาพให้เป็นโกดังเก็บอาหาร ส่วนศีรษะของรูปปั้นจำนวนมากก็ถูกเคลื่อนย้ายออก

พื้นที่ในวิหารแห่งนี้ถูกใช้เป็นที่ฝังพระศพกษัตริย์และพระราชินีแห่งฝรั่งเศสมายาวนานหลายร้อยปี วิหารยังเป็นสถานที่ซึ่งนโปเลียนเข้ารับสถาปนาเป็นจักรพรรดิเมื่อปี 1804 หลังยุทธการปลดปล่อยฝรั่งเศส เมื่อปี 1944 ชาร์ลส เดอ โกลล์ นายทหารคนสำคัญในฝรั่งเศสก็จัดพิธีขอบคุณพระเจ้าที่นี่

สำหรับการบูรณะฟื้นฟูครั้งแรกเกิดขึ้นเมื่อปี 1845 และ1870 หลังจากนั้นถึงเริ่มมีการบูรณะในยุคสมัยใหม่ช่วงปลายยุค 90s เพื่อซ่อมแซมส่วนหน้าของวิหารและรูปแกะสลัก ขณะที่การบูรณะซ่อมแซมในช่วงหลังเน้นไปที่ส่วนยอดแหลมของอาคาร อย่างไรก็ตาม โครงสร้างนี้ถูกทำลายอย่างสิ้นเชิงจากเพลิงไหม้ครั้งล่าสุด

วิหารแห่งนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่สิ่งก่อสร้างเชิงสัญลักษณ์ทางประวัติศาสตร์และศิลปะสำหรับชาวปารีสเท่านั้น แต่ยังเป็นสิ่งก่อสร้างซึ่งคนทั่วโลกสนใจ มีนักท่องเที่ยวเยี่ยมชมไม่ต่ำกว่า 30,000 คนต่อวัน คาดว่าจำนวนผู้เยี่ยมชมมีประมาณปีละ 13 ล้านคน

อ่านเพิ่มเติม :

สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่


ทั้งนี้ สำนักข่าว Newsweek รายงานว่าเกิดเหตุเพลิงไหม้ที่มัสยิดเก่าแก่หลายพันปีที่มีชื่อว่า อัลอักศก (Al-Aqsa) ในประเทศอิสราเอล เวลาเดียวกับที่เกิดเหตุเพลิงไหม้วิหารนอเทรอดาม 

มัสยิดอัลอักศอ ตั้งอยู่ใกล้กรุงเยรูซาเล็มเขตเมืองเก่า ในเขตเวสต์แบงก์ (West Bank) รายงานข่าวคาดการณ์ว่าเพลิงไหม้เกิดขึ้นบริเวณห้องสวดมนต์ Marwani ภายในมัสยิด โดยมัสยิดแห่งนี้เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์หนึ่งในสามของศาสนาอิสลาม คาดการณ์ว่าอาจมีสาเหตุมาจากเด็กที่เข้าไปเล่นในพื้นที่นี้

ชาวมุสลิมเชื่อว่าองค์อัลลอฮ์ได้พามุฮัมมัดเดินทางข้ามจากสุเหร่าศักดิ์สิทธิ์ในนครมักกะฮ์มายังมัสยิดอัลอักศอ และมุฮัมมัดถูกรับขึ้นสู่สวรรค์ไปพบอัลลอฮ์ที่มัสยิดแห่งนี้


อ้างอิง :

MACDONALD, CHEYENNE. “Why the 850-year-old Notre Dame Cathedral is ‘incredibly flammable’ by design: Sprawling wooden frame made from 1,300 TREES nicknamed ‘The Forest’ is fueling the devastating blaze, experts say”. Daily Mail. Online. Access 16 April 2019. <https://www.dailymail.co.uk/sciencetech/article-6925435/Why-850-year-old-Notre-Dame-Cathedral-incredibly-flammable.html>

Adam Nossiter and Aurelien Breeden. “Notre-Dame Cathedral in Paris Catches Fire”. New York Times. Online. Access 16 April 2019. <https://www.nytimes.com/2019/04/15/world/europe/notre-dame-fire.html>


เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 16 เมษายน 2562