เผยแพร่ |
---|
การเสด็จพระราชดำเนินของพระมหากษัตริย์ส่วนใหญ่เป็นไปด้วยความเรียบร้อย เหตุการณ์ไม่คาดฝันแทบไม่มีให้เห็นกัน อย่างไรก็ตาม จากบันทึกของหม่อมเจ้าพูนพิศมัย ดิศกุล ทรงเล่าเหตุระทึกเมื่อครั้งเสด็จดงศรีมหาโพธิซึ่งราษฎรวิ่งกรูเข้ามาในที่ประทับจนขุนนางในพื้นที่และราชองครักษ์ต้องชักดาบควักปืนกันชุลมุน
เป็นที่รับทราบกันว่า ม.จ. พูนพิศมัย ดิศกุล ทรงเป็นพระอนุวงศ์ฝ่ายในเพียงองค์เดียวที่ได้ถวายการรับใช้พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวโดยใกล้ชิด ดังนั้น บทนิพนธ์เรื่อง “พระราชวงศ์จักรี” ในตอน “สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 6” ย่อมบันทึกพระราชประวัติ พระราชกรณียกิจ และเรื่องราวที่มีรายละเอียดต่างๆ อันเกี่ยวเนื่องในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวแบบลงลึก
เรื่องราวตอนหนึ่งในบทนิพนธ์เล่าถึงช่วงเวลา พ.ศ. 2454 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวจะเสด็จเลียบพระนคร โดยม.จ. พูนพิศมัย ทรงอธิบายว่า การเสด็จครั้งนี้พระองค์หมายให้ราษฎรได้ “เฝ้าแหน” (เฝ้าเห็น) รู้จักพระองค์ โดยพระองค์เสด็จเลียบพระนครทางตะวันออก ในวันที่เสด็จ “ดงศรีมหาโพธิ” ก็พบเหตุระทึกขึ้น
ม.จ. พูนพิศมัย ทรงเล่าว่า พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงประทับในพลับพลาไม้ไผ่อัฒจันทร์ 4 ด้าน ซึ่งสร้างขึ้นเพื่อให้พระองค์ทรงพักผ่อนก่อนเสด็จขึ้นช้างไปเมืองเก่า
ที่ประทับมีพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวประทับพระองค์เดียว ส่วนข้าราชบริพารยืนอยู่ในหลังคารอบที่ประทับ ม.จ. พูนพิศมัย นิพนธ์ว่า ราษฎรชายหญิงต่างนั่งคอยเฝ้าเต็ม 3 ด้านพลับพลา ขณะที่กลุ่มผู้ตามเสด็จเดินเลือกม้ากันอยู่ก็ได้ยินเสียงราษฎรร้องเฮกันขึ้นตามชายไม้แล้ววิ่งเข้ามาทางพลับพลาเป็น “ลูกคลื่น” ทั้ง 3 ด้าน
บทนิพนธ์ช่วงนี้บันทึกว่า
“เจ้าพระยาอภัยภูเบศร์ (ชุ่ม อภัยวงศ์) ผู้เป็นสมุหเทศภิบาลมณฑลปราจีณอยู่ในเวลานั้น, ลุกขึ้นไปยืนกางมือกั้นพระเจ้าอยู่หัวไว้คนเดียวบนพลับพลา, ท่านร้องโวกเวกเรียกราชองครักษ์ลั่นอย่างตกใจถึงหมดสติ. แม้จะเป็นท่าที่น่าสงสาร, ก็ยังได้เห็นความจงรักภักดีของท่านว่าเอาตัวเองเข้ากั้นกางพระเจ้าอยู่หัวไว้.
ส่วนพวกราชองครักษ์ต่างๆ ก็ชักดาบชักปืนออกเรียงรายกันรอบพลับพลาฯ เสียงใส่ลูกปืนกันดังก๊อกแกร๊กๆ ดาบในฝักก็ออกมามีแววอยู่ราวสลอน. พระเจ้าอยู่หัวมิได้ทรงหวั่นหวาดแม้แต่กระดิกพระองค์. ประทับเฉยอยู่เหมือนมิได้มีอะไรเกิดขึ้น.
ยุ่งกันอยู่สัก 20 นาที, จึงได้รู้ว่าช้างกับม้าเกิดวิวาทกันขึ้นทางชายดง. ราษฎรวิ่งหนีร้องเอะอะมา, คนที่อยู่ข้างหน้าก็ไม่รู้ว่าอะไร, เลยวิ่งร้องเอะอะขึ้นต่อๆ กัน จึงวิ่งๆ หยุดๆ กันมาเป็นพักๆ ราวลูกคลื่น และวิ่งเข้ามาหาที่พึ่งพิงที่พระเจ้าอยู่หัว.
ส่วนเจ้าพระยาอภัยฯ นั้น คิดว่ามีใครจะเข้ามาทำร้าย จึงเข้ากั้นกางขวางไว้”
ม.จ. พูนพิศมัย เล่าต่อว่า เมื่อเรื่องสงบแล้วจึงเสด็จพระราชดำเนินขึ้นช้างต่อไปยังพลับพลาที่เสวยกลางวัน ทอดพระเนตรของโบราณจากนั้นจึงเสด็จกลับทางเดิม ถึงที่ประทับเจ้าพระยาอภัยฯในเมืองปราจีน เกือบค่ำ
“นี่เป็นเรื่องตื่นเต้นที่ข้าพเจ้าได้เคยเห็นเป็นครั้งแรกในชีวิต, และนั่งนิ่งเฉยดูอยู่ที่อัฒจรรย์พลับพลานั้นแต่คนเดียว. ดูเหมือนชวนจะเห็นว่าสนุกยิ่งกว่าตกใจในเวลานั้น, ซ้ำยังกลับมาขันเจ้าพระยาอภัยฯต่อไปเสียด้วย.”
คลิกอ่านเพิ่มเติม : ร.6รับสั่งตามตัว แต่ “พระยาเทพหัสดิน” ติดนัดหญิง จะเกิดอะไรขึ้น อ่านงานคนสนิทเล่าความในใจ
อ้างอิง:
พูนพิศมัย ดิศกุล, หม่อมเจ้า. พระราชวงศ์จักรี สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 6 (สิ่งที่ข้าพเจ้าพบเห็น สมัยรัชกาลที่ 6). กรุงเทพฯ : มติชน, 2561
เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 11 ธันวาคม 2561