ผู้เขียน | สุทธาสินี จิตรกรรมไทย เจียจันทร์พงษ์ |
---|---|
เผยแพร่ |
ทำไมรัชกาลที่ 5 ทรงสั่ง “ขังหลวง” กรมหมื่นพงษาดิศรมหิป องคมนตรีในรัชกาลของพระองค์?
หนึ่งในวิธีการลงโทษในราชสำนักยุคจารีต คือ “การขังหลวง” หมายถึงการกักบริเวณเชื้อพระวงศ์ที่ทำผิดราชประเพณี หรือสร้างความเสื่อมเสียแก่พระราชวงศ์ ในพื้นที่จำกัด โดยไม่ใส่เครื่องพันธนาการ และไม่ให้พบปะสมาคมกับบุคคลในพระราชวงศ์และบุคคลทั่วไป

ตัวอย่างของพระบรมวงศานุวงศ์ที่ทรงถูกลงโทษด้วยการขังหลวง คือ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหมื่นพงษาดิศรมหิป พระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 4) ประสูติแต่เจ้าจอมมารดาเที่ยง ซึ่งทรงร่วมกับบุคคลอื่นปลอมแปลงธนบัตร เมื่อ พ.ศ. 2446 ขณะพระองค์ทรงมีพระชันษา 42 ปี
ผศ. ดร. ศรัญญู เทพสงเคราะห์ เล่าเรื่องนี้ในผลงาน “รัฐราชทัณฑ์ อำนาจลงทัณฑ์ในยุคสมัยใหม่” (สำนักพิมพ์มติชน) ว่า
คราวนั้น พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) ทรงพิจารณาคำแจ้งความ และทรงตรวจสอบคำให้การของกรมหมื่นพงษาฯ เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน ปี 2446 จากนั้นมีพระบรมราชวินิจฉัยว่า
“กรมหมื่นพงษาสมรู้เปนใจปกปิดในการที่ทำธนบัตรปลอมนี้ ไม่สมที่เปนเจ้าในราชตระกูล ผิดด้วยสัจจาธิฐานในน้ำพระพิพัฒน์สัตยา ผิดด้วยคำสาบานองคมนตรี มีความผิดเปนอันมาก”

รัชกาลที่ 5 มีพระบรมราชโองการถอดกรมหมื่นพงษาฯ ออกจากสมาชิกเครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า ต้องคืนพานทองเครื่องยศทั้งปวงที่ได้รับพระราชทาน ถอดออกจากตำแหน่งองคมนตรี งดการจ่ายเงินประจำปี

รวมทั้งให้ลงพระราชอาญาจำขังไว้ที่กรมสนมพลเรือน ตามแต่จะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พ้นโทษ นับตั้งแต่วันที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2446 โดยทรงมอบหมายให้ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมขุนพิทยาลาภพฤฒิธาดา เป็นผู้รับคำสั่ง
อย่างไรก็ตาม หลังจากกรมหมื่นพงษาฯ รับพระราชอาญาจำขังในกรมสนมพลเรือนได้ราว 1 ปี ก็ประชวรด้วยโรคปอดและเบาหวาน สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ จึงกราบบังคมทูลขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตผ่อนผันให้กรมหมื่นพงษาฯ ไปทรงรักษาตัวที่นครปฐม โดยกรมดำรงจะทรงเป็นผู้ควบคุมดูแลเอง
รัชกาลที่ 5 พระราชทานพระบรมราชานุญาตตามที่กรมดำรงกราบทูลขอ แต่มีเงื่อนไข คือ กรมหมื่นพงษาฯ ต้องถูกจำกัดบริเวณในตำหนัก ที่เรียกว่า “ขังหลวง” โดยต้องทรงประพฤติตัวแบบเดียวกับผู้ที่อยู่ระหว่างโทษ ห้ามไม่ให้ออกนอกสถานที่ควบคุม และไม่ให้สมาคมกับชาวต่างชาติ

ระหว่างถูกขังหลวงจะได้รับเบี้ยเลี้ยงสำหรับเบิกจ่ายเป็นเงินเดือนละ 80 บาท และหากจะออกไปประทับที่อื่นจะต้องกราบบังคมทูลขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตทุกครั้ง
กรมหมื่นพงษาฯ รับพระราชอาญาอยู่ 12 ปี กระทั่งเข้าสู่รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 6) ก็ได้รับพระราชทานอภัยโทษใน พ.ศ. 2457
พระองค์ทรงเดินทางกลับมาประทับในตำหนักที่กรุงเทพฯ แต่ยังต้องอยู่ในสายตาของข้าราชการกรมสนมพลเรือนอยู่ตลอด จวบจนเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2467 รัชกาลที่ 6 จึงทรงมีคำสั่งให้พ้นจากการควบคุมของกรมสนมพลเรือน
หากนับระยะเวลาที่พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหมื่นพงษาดิศรมหิป ทรงต้องโทษ และต้องอยู่ในความดูแลของกรมสนมพลเรือนแล้วก็กว่า 2 ทศวรรษ คือตั้งแต่ พ.ศ. 2446-2467
พระองค์สิ้นพระชนม์ในเดือนมกราคม พ.ศ. 2479 ทรงเป็นต้นราชสกุล “ชยางกูร”
อ่านเพิ่มเติม :
- เมื่อพระราชโอรส ร.4 กับลูกชายแม่ครัวหัวป่าก์ ร่วมมือชาวญี่ปุ่น ทำธนบัตรปลอมสมัย ร.5
- วิวัฒนาการ “ธนบัตร” แห่งสยาม จาก “หมาย” สู่ “แบงก์” ชื่อเรียกติดปากของคนปัจจุบัน
สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่
อ้างอิง :
ศรัญญู เทพสงเคราะห์. รัฐราชทัณฑ์ อำนาจลงทัณฑ์ในยุคสมัยใหม่. กรุงเทพฯ : มติชน, 2568
เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 13 มิถุนายน 2568