วิธีป้องกันการโกงข้อสอบราชการจีนในอดีตกว่า 1,000 ปี เขาทำกันอย่างไร?

จักรพรรดิ ผู้สมัครสอบ ราชวงศ์ซ่ง ประกอบเรื่อง โกงข้อสอบ
จักรพรรดิทรงรับผู้สมัครสอบ สมัยราชวงศ์ซ่ง (ภาพจาก Wikimedia Commons)

การป้องกันการโกงข้อสอบเข้ารับราชการของจีนเมื่อ 1,000 ปีก่อน

ก่อนที่จีนจะก้าวเข้าสู่ยุคสมัยใหม่ในศตวรรษที่ 20 การสอบเข้ารับราชการของจีนมีชื่อเรียกว่า “เคอจี่ว์” หรือที่หลายคนอาจคุ้นหูว่า “จอหงวน” ถือเป็นการสอบที่ขึ้นชื่อว่าหฤโหดอย่างมาก เพราะไม่ได้มีเพียงข้อสอบที่ยาก หรือผู้เข้าสอบมีจำนวนมาก แต่ยังรวมถึงความเข้มงวดในการสอบด้วย

การสอบเคอจี่ว์เริ่มมีมาตั้งแต่ยุคราชวงศ์สุย (ค.ศ. 581-618) และสืบเรื่อยมาจนถึงปลายราชวงศ์ชิง (ค.ศ. 1636-1912) เนื้อหาที่สอบในแต่ละยุคมีเปลี่ยนแปลงบ้าง ขึ้นอยู่กับการเมืองในช่วงนั้น ๆ โดยราชสำนักจะเป็นผู้จัดสอบ

เคอจี่ว์มีเป้าหมายเพื่อคัดเลือกผู้สอบที่มากความสามารถที่สุด ไม่เกี่ยงว่าจะมาจากชนชั้นไหน เพราะองค์จักรพรรดิต้องการข้าราชการที่ซื่อสัตย์ และเก่งในการทำงานให้บ้านเมือง ส่วนผู้ที่สอบผ่านก็มีโอกาสไต่เต้าเข้าทำงานเป็นข้าราชการระดับสูง

การได้เข้ารับราชการในจีนสมัยราชวงศ์ นับเป็นสิ่งคุ้มค่าอย่างมาก เพราะเป็นโอกาสที่ชนชั้นล่างจะยกระดับฐานะของตนเองและครอบครัว การโกงข้อสอบจึงเป็นหนึ่งในทางเลือกสำหรับผู้เข้าสอบจำนวนมาก เพื่อให้ได้เข้ารับราชการ แม้จะต้องพบกับความเสี่ยงก็ตาม

ราชสำนักก็รู้เรื่องดีเช่นกัน จึงมีการป้องกันอย่างแน่นหนาเพื่อไม่ให้เกิดการโกงขึ้น เริ่มตั้งแต่ด้านนอกสนามสอบ ไปถึงกติกาต่าง ๆ ในการสอบ ดังนี้

ภายนอกและบริเวณสนามสอบ

การสอบทุกครั้ง ภายในเมืองเอกของแต่ละมณฑลจะมีสถานที่สอบถาวร ปิดช่องโหว่ที่อาจมาจากการย้ายสถานที่สอบ และเพื่อป้องกันการสื่อสารกับโลกภายนอกระหว่างการสอบ ทางเข้าออกจะมีทางเดียว ใช้ได้เพียงแค่เจ้าหน้าที่คุมสอบและผู้เข้าสอบ และมีกำแพงขนาดใหญ่ตั้งขวางระหว่างสนามสอบกับด้านนอก 

บริเวณสนามสอบยังมีหอคอยสูงจำนวนมากเพื่อใช้เฝ้าดูผู้เข้าสอบ โดยมีหอคอยหลักที่มองเห็นพื้นที่สอบทั้งหมด

ห้องสอบ ราชการ จีน
ภาพจำลองห้องสอบ (ภาพจาก Wikimedia Commons)

ภายในสนามสอบ

ในสนามสอบจะแบ่งย่อยคล้ายรังผึ้ง มีห้องเดี่ยวไร้ประตูหลายพันห้อง และใหญ่พอที่จะจุผู้เข้าสอบห้องละ 1 คน แต่ละห้อง จะมีไม้กระดานยาว 3 ชิ้น ชิ้นแรกเป็นโต๊ะ ชิ้นที่สองเป็นเก้าอี้ และชิ้นที่สามใช้วางของ ใช้เวลาสอบทั้งสิ้น 3 วัน 2 คืน

นอกจากนี้ การเข้าสอบทุกครั้งจะมีกฎที่เข้มงวดอย่างมาก เพื่อให้มั่นใจว่าผู้เข้าสอบจะไม่แอบเอาหนังสือ หรือแม้แต่เงินที่อาจใช้ติดสินบนเจ้าหน้าที่เข้าไปในสนามสอบได้ บริเวณทางเข้าสนามสอบ ผู้เข้าสอบจะถูกตรวจค้น 2 ครั้ง ที่ประตูทางเข้าแรก ตามด้วยประตูชั้นในอีกครั้ง

ไม่เพียงผู้เข้าสอบเท่านั้นที่ต้องรับการตรวจ แต่รวมถึงข้าราชการที่เกี่ยวข้องกับการสอบเช่นกัน

หากเจอการกระทำผิด ทหารที่ทำหน้าที่ตรวจสอบก็จะได้รับรางวัล ในขณะที่ผู้กระทำผิดจะได้รับโทษ แต่ถ้าตรวจพบสิ่งผิดปกติตอนเข้าประตูที่ 2 ไม่เพียงแค่ผู้เข้าสอบจะต้องรับโทษ แต่ทหารที่ตรวจสอบประตูแรกก็ต้องรับผิดชอบด้วย

ข้อปฏิบัติในการสอบ 

ก่อนเข้าสอบ จะมีการตรวจสมุดข้อสอบ เพื่อให้มั่นใจว่าเป็นสมุดเปล่า และไม่มีการนำตัวช่วยใดแอบแฝงเข้ามา

ขณะสอบ ผู้เข้าสอบสามารถลุกจากเก้าอี้ได้เพียงครั้งเดียว เพื่อไปเข้าห้องน้ำ หรือดื่มชาตามแต่ผู้เข้าสอบประสงค์ โดยไม่อนุญาตให้พูดคุยหรือเปลี่ยนที่นั่งใด ๆ ทั้งสิ้น 

“การฮัม” ซึ่งอาจเป็นเรื่องธรรมดาระหว่างการแต่งกลอนสำหรับเขียนในข้อสอบ ถือเป็นสิ่งต้องห้ามด้วยเช่นกัน แม้แต่การทำกระดาษตกก็อาจสร้างความสงสัยให้ผู้คุมสอบ เป็นผลให้หมดสิทธิ์สอบได้อีกด้วย

เมื่อสอบเสร็จ หากผู้เข้าสอบหลายคนมีคำตอบที่คล้ายกันมากเกินไป ทุกคนจะสอบตกทันที ทั้งมีการตรวจข้อสอบว่าเป็นลายมือจริงของผู้เข้าสอบหรือไม่ ด้วยการนำไปเทียบกับการสอบในระดับก่อนหน้า

ความเท่าเทียมในการสอบ

วิธีการป้องกันไม่ให้เกิดความลำเอียงต่อผู้เข้าสอบ หรือกล่าวในภาษาพูดว่า “ใช้เส้น” คือการปิดบังชื่อผู้สอบทุกคน ด้วยการนำออกจากกระดาษคำตอบ เหลือไว้เพียงเลขที่นั่งสอบ สำหรับยืนยันคำตอบและตัวตนของผู้สอบเท่านั้น รวมถึงจะไม่มีการเปิดเผยตำแหน่งของเจ้าหน้าที่ผู้คุมสอบทุกคนจนนาทีสุดท้าย เพื่อป้องกันการวางแผนล่วงหน้า อันจะนำไปสู่การทุจริต 

เมื่อข้อสอบถูกส่งแล้ว ผู้ตรวจข้อสอบจะต้องอยู่ภายในเขตที่กำหนด และไม่สามารถออกจากบริเวณดังกล่าวได้ จนกว่าจะตรวจข้อสอบชุดสุดท้ายเสร็จเรียบร้อย

กระดาษคำถาม ข้อสอบ ราชการจีน ราชวงศ์ชิง
กระดาษคำถามของข้อสอบเข้ารับราชการของจีนสมัยราชวงศ์ชิง (ภาพจาก Wikimedia Commons)

การลงโทษผู้กระทำผิด

หากตรวจพบการโกงใด ๆ ในการสอบ ไม่ว่าผู้ทุจริตจะเป็นผู้เข้าสอบหรือเจ้าหน้าที่ก็ต้องได้รับโทษ

การลงโทษสถานหนักสุดสำหรับผู้เข้าสอบ อาจหมายถึงการเฆี่ยนตี หรือขังประจานต่อหน้าสาธารณชนเป็นเดือน และตัดสิทธิ์การเข้าสอบตลอดชีพ

ส่วนเจ้าหน้าที่คุมสอบ หากตรวจพบว่ารับสินบน แสดงความเอนเอียง หรือทุจริตใด ๆ อาจส่งผลให้โดนปลดออกจากตำแหน่ง รวมถึงเนรเทศ และหนักสุดคือการประหาร 

เป็นที่น่าสังเกตว่าการสอบข้าราชการของจีนในอดีต แม้จะมีการควบคุมและดูแลความสุจริตที่เข้มงวด แต่การโกงข้อสอบก็ยังพบได้แพร่หลาย วิธีการที่ผู้เข้าสอบใช้ก็ไม่ต่างจากปัจจุบันมากนัก ไม่ว่าจะเป็นการติดสินบนเจ้าหน้าที่ผู้คุมสอบ การลักลอบนำกระดาษคำตอบเข้าไป ไปจนถึงการใช้เส้นสาย แม้หลายคนจะทราบดีว่าการทุจริตในการสอบจะได้พบกับโทษสถานหนักก็ตาม

อ่านเพิ่มเติม : 

สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่


อ้างอิง : 

หยาดฟ้า. (30 มกราคม 2567). เคอจี่ว์:การสอบคัดเลือกข้าราชการในจีนสมัยโบราณ. เข้าถึงได้จาก อาศรมสยาม-จีนวิทยา: https://www.arsomsiam.com/keju1/

Ebrey, P. B. (2023). The Cambridge illustrated history of China (Third edition). Cambridge University Press.

Miyazaki, I., & Schirokauer, C. (1976). China’s examination hell : the civil service examinations of Imperial China. Yale University Press.

Sendur, Agnieszka. (2024). Exam Cheating Then and Now: A Comparison of Academic Dishonesty in the World’s Oldest Testing System and the Present-day Academia. 14. 181-197.


เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 25 เมษายน 2568