ผู้เขียน | วิภา จิรภาไพศาล |
---|---|
เผยแพร่ |
สวนสนุก (ในลุมพินี) คือชื่ออย่างเป็นทางการของกิจการ “สวนสนุก” ที่สร้างขึ้นในพื้นที่ส่วนหนึ่งของ “สวนลุมพินี” ที่กระทรวงมหาดไทยผู้ดูแลสวนลุมพินีขณะนั้น แบ่งให้พระยาคทาธรบดีสีหราชบาลเมือง (เทียบ อัศวรักษ์) เช่าทำสวนสนุก เพื่อหารายได้มาใช้พัฒนาสวนลุมพินี
สวนสนุก (ในลุมพินี)
สวนสนุก (ในลุมพินี) เป็นสวนสนุกแบบสวนพักผ่อนหย่อนใจ (แบบ “ป๊ากสามเสน” สวนสนุกแห่งแรกของไทย) เปิดบริการเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2472 ภายในสวนสนุกประกอบด้วย โรงละครขนาดใหญ่, เวทีแสดงมหรสพส่วนกลาง, สนามกีฬากลางแจ้ง, สนามกีฬาในร่ม, ที่เล่นกีฬาทางน้ำ, พื้นที่แสดงละครสัตว์, เครื่องสนุก เช่น ม้าหมุน
สวนสนุก (ในลุมพินี) ยังมีลักษณะคล้ายกับงานเทศกาล หรืองานวัดในกรุงเทพฯ คือ มีการออกร้านให้เล่นการพนันต่างๆ อย่างแข่งม้า, เล่นไพ่, ชนไก่, กัดปลา และมีกิจกรรมในโอกาสพิเศษที่เกี่ยวข้องกับการพนัน เพื่อดึงดูดผู้คนมาใช้บริการ อาทิ ช่วงเทศกาลปีใหม่ สวนสนุกฯ จัดการพนันจับสลากแจกรางวัลให้กับผู้ซื้อบัตรผ่านประตูในราคา 25 สตางค์ (จากราคาปกติ 10 สตางค์) โดยมีของรางวัลแตกต่างไปตามกระดาษภายในซองชิงโชคที่ได้รับ เช่น เครื่องทอง, เครื่องเงิน ถ้วยชาม ฯลฯ
การจับสลากดังกล่าวจึงเป็น “การพนัน” ตามพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. 2473 ต้องขออนุญาตก่อนดำเนินการ ซึ่งพระยาคทาธรบดีฯ ขออนุญาตจากนครบาลให้มีการพนันจับสลากดังกล่าวอยู่บ่อยครั้ง เช่น
วันที่ 5 มีนาคม ปี 2473 เพื่อขอจัดการพนันจับสลาก วันที่ 1-2 เมษายน ปี 2474 ซึ่งเป็นเทศกาลปีใหม่ไทย
วันที่ 1 ธันวาคม ปี 2474 ยื่นเรื่องขออนุญาต ระหว่างวันที่ 1-2 มกราคม ปี 2475 ซึ่งเป็นเทศกาลปีใหม่สากล ด้วยรูปแบบเดียวกับครั้งก่อน แต่ครั้งนี้นครบาลทักท้วงว่าให้จัดได้ปีละครั้ง พระยาคทาธรบดีฯ จึงแจ้งว่า หากจัดครั้งนี้แล้ว ปีใหม่ในเดือนเมษายน ปี 2475 ก็จะไม่จัด จึงได้รับอนุญาต
หากวันที่ 24 มกราคม ปี 2475 พระยาคทาธรบดีฯ ก็ยื่นขออนุญาตแจกของขวัญแก่ประชาชนที่มาเที่ยวสวนสนุก ในวันที่ 18-19 กุมภาพันธ์ ปี 2475 ซึ่งเข้าข่ายการพนันตามพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. 2473 แต่ไม่ได้รับอนุญาต

เมื่อไม่ได้รับอนุญาต ในเดือนต่อมาคือวันที่ 20 กุมภาพันธ์ ปี 2475 พระยาคทาธรบดีฯ จึงยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความเดือดร้อนที่ไม่ได้รับอนุญาตผ่อนผันให้แจก “ของขวัญสิ่งละอันพันละน้อย” ตามรูปแบบการพนันจับสลาก และกล่าวถึงภาระสวนสนุกที่ตนเองดูแลอยู่ ในเชิงขอความเห็นใจว่า
สวนสนุกนี้สร้างขึ้นจากน้ำพักน้ำแรงของคนไทย มิได้เข้าหุ้นกับคนต่างประเทศ ซึ่งตามสัญญาที่ทำไว้กับทางการ มีค่าใช้จ่ายในการบํารุงรักษาสวนลุมพินีประมาณ 3,000 บาท/ปี เพื่อถางหญ้า ปรับถนนให้เรียบ ดูแลไฟฟ้าส่องสว่าง รักษาความสะอาดของศาลและสวน ฯลฯ
ขณะที่รายได้จากการเล่นมหรสพ การแข่งขันชกมวยในสวนสนุกก็พอเลี้ยงตัวเท่านั้น เมื่อรัฐเปิดให้มีแข่งขันชกมวยในจังหวัดพระนครและจังหวัดธนบุรี รายได้จากการชกมวยของสวนสนุกก็ยิ่งลดลง ทำให้รายได้ไม่พอ ต้องชักทุนมาทบ จึงมีความจำเป็นต้องจัดกิจกรรมที่มีลักษณะเกี่ยวกับการพนัน เพื่อดึงผู้คนและเพิ่มรายได้
ดูเหมือนว่าคำชี้แจงของพระยาคทาธรบดีฯ ไม่เป็นผล สุดท้ายสวนสนุกก็ต้องปิดกิจการ เนื่องจากกระทรวงมหาดไทยต้องการใช้พื้นที่สวนลุมพินีเป็น “สวนสาธารณะ” สำหรับประชาชน เมื่อสัญญาของสวนสนุกหมดอายุในเดือนเมษายน ปี 2477 จึงไม่มีการต่อสัญญา
สวนสนุก (ในลุมพินี) จึงเหลือเรื่องราวเป็นตำนานด้วยเหตุนี้

อ่านเพิ่มเติม :
- “ป๊ากสามเสน” ที่เที่ยวเตร่ยามค่ำคืนในสยามยุคแรก มีสวนสนุกด้วย!
- สยามรัฐพิพิธภัณฑ์-Expo นานาชาติยุคแรกของไทย สมัยรัชกาลที่ 6
สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่
อ้างอิง :
ภาสวร สังข์ศร. สวนสนุก: การเปลี่ยนแปลงของธุรกิจการพักผ่อนหย่อนใจในกรุงเทพฯ ปี พ.ศ. 2470-2540, วิทยานิพนธ์หลักสูตรมหาบัณฑิต สาขาประวัติศาสตร์ คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ปีการศึกษา 2559.
กุณฑิญา จิริวาธวัช. “ธีมพาร์คในประเทศไทย: พัฒนาการและปัจจัยสู่ความสำเร็จ” ใน, วารศิลปศาสตร์ ปีที่ 13 ฉบับที่ 2 (กรกฎาคม -ธันวาคม 2560 )มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี.
เผยแพร่ในระบบออนไลน์ 1 สิงหาคม 2567