ผู้เขียน | สุทธาสินี จิตรกรรมไทย เจียจันทร์พงษ์ |
---|---|
เผยแพร่ |
“เจ้าจอมมารดา” คือสตรีสามัญชนที่เป็นพระภรรยาในพระมหากษัตริย์ และมีประสูติกาลพระราชโอรสหรือพระราชธิดาในพระมหากษัตริย์ ในอดีตเมื่อสิ้นรัชกาล การเรียกชื่อเจ้าจอมมารดาจำเป็นต้องเปลี่ยน แต่ในสมัยรัชกาลที่ 5 มี เจ้าจอมมารดาชุ่ม ในรัชกาลที่ 4 ที่ทำให้ธรรมเนียมโบราณเรื่องการเรียกขานชื่อเจ้าจอมเปลี่ยนไป
ธรรมเนียมโบราณ เรียกขานเจ้าจอมมารดา
สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ พระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ประสูติแต่เจ้าจอมมารดาชุ่ม อธิบายเรื่องนี้จากประสบการณ์ส่วนพระองค์ ไว้ใน “ความทรงจำ” ว่า
หลังเสร็จสิ้นงานพระเมรุพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ข้าราชการประจำพระองค์ก็ต้องเปลี่ยนฐานะไปตามกาล เจ้าจอมมารดาชุ่ม ในรัชกาลที่ 4 พระมารดาในสมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วยเช่นกัน
“ตอนนี้น่าสงสารแม่ เมื่อถูกเรียกคืนเครื่องราชอิสสริยาภรณ์ กับหีบหมากลงยาสำหรับยศเจ้าจอมมารดา และพานทองเครื่องยศที่เป็นพระสนมเอก เปลี่ยนเครื่องยศเป็นหีบหมากทองเหมือนอย่างท้าวนาง ทั้งถูกลดผลประโยชน์ที่เคยได้พระราชทานน้อยลงครึ่งค่อน
ใช่แต่เท่านั้น ชื่อที่เคยเรียกว่า ‘เจ้าจอมมารดาชุ่ม’ ก็ต้องเปลี่ยนเป็น ‘ชุ่มเจ้าจอมมารดา’ หมายความว่าเจ้าจอมมารดาเป็นม่าย ที่จริงก็ไม่เป็นการลดยศศักดิ์ แต่เพราะไม่เคยตกยาก พวกเจ้าจอมมารดาก็พากันโทมนัสรู้สึกเหมือนกับว่าถูกถอดทั่วไป
จนทราบถึงพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เคยตรัสเล่าแก่ฉันเมื่อภายหลังว่า ครั้งนั้นทรงสงสารเจ้านายพี่น้องกับเจ้าจอมมารดาที่ต้องลำบากยากจน จึงตรัสขอให้รัฐบาลจ่ายเงินกลางปีแก่พระเจ้าพี่น้องเธอ พระองค์ชายปีละ ๒,๔๐๐ บาท พระองค์หญิงปีละ ๑,๖๐๐ บาท
แต่นั้นมา ล่วงมาอีกสัก ๒๕ ปี ยังทรงแก้ไขอีกครั้งหนึ่ง ด้วยทรงพระกรุณาแม่ฉันเป็นต้นเหตุ ควรจะเล่าไว้ให้ปรากฏ”
ความข้างบนทำให้เห็นว่า ก่อนหน้ารัชกาลที่ 5 เมื่อเปลี่ยนแผ่นดินแล้ว การเรียกเจ้าจอมมารดาก็ต้องเปลี่ยนไปด้วย คือ เรียกขานชื่อก่อน แล้วจึงตามด้วยคำว่า “เจ้าจอมมารดา”
เจ้าจอมมารดาชุ่ม ในรัชกาลที่ 4 ผู้ทำให้ธรรมเนียมโบราณเปลี่ยนไป
การเรียกขานเจ้าจอมมารดาแบบปัจจุบัน มีที่มาจากเมื่อครั้งสมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพประชวร คือ เมื่อ พ.ศ. 2437 ขณะทรงดำรงตำแหน่งเสนาบดีกระทรวงมหาดไทย เกิด “ไข้ส่า” เป็นโรคระบาดขึ้นในกรุงเทพมหานคร มีผู้เจ็บป่วยเป็นจำนวนมาก รวมทั้งพระองค์เองด้วย
อาการของสมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ไม่หนักถึงขั้นวิกฤต แต่วันหนึ่งขณะขึ้นบรรทมบนเตียงพับ ซึ่งโปรดให้มีผู้กางถวายไว้ ผู้กางกลับไม่กางขาเตียงให้เรียบร้อย เป็นผลให้ทรงพลัดตกจากเตียง
ความทราบถึงพระกรรณรัชกาลที่ 5 ไปว่า สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ประชวรอาการหนักถึงขั้นดิ้นพลัดตกเตียง พระองค์ทรงตกพระราชหฤทัย และทรงมีลายพระหัตถ์ถึงพระมารดาในกรมดำรง
เมื่อพระองค์ทรงผนึกซองพระราชหัตถเลขา แล้วจะทรงสลักหลังซองว่า “ถึงชุ่มเจ้าจอมมารดา” ซึ่งเป็นการเรียกเจ้าจอมมารดาในรัชกาลก่อนตามธรรมเนียมโบราณ รัชกาลที่ 5 ทรงนึกสงสาร จึงทรงเขียนลงไปว่า “ถึงเจ้าจอมมารดาชุ่ม”
จากนั้น ทรงมีพระราชดำรัสสั่ง พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมขุนพิทยลาภพฤฒิธาดา เมื่อครั้งทรงดำรงตำแหน่งเป็นเสนาบดีกระทรวงวัง ให้เปลี่ยนระเบียบเรียกเจ้าจอมมารดาในรัชกาลที่ล่วงแล้ว ให้ใช้คำว่าเจ้าจอมมารดานำหน้าชื่อ และให้เติมลำดับรัชกาลต่อท้าย เช่น เจ้าจอมมารดาชุ่ม รัชกาลที่ 4 เป็นต้น และให้ใช้เป็นประเพณีสืบมา
“เมื่อแม่ได้รับลายพระราชหัตถเลขาเชิญมาให้ฉันอ่านด้วยความปีติยินดี แต่ทั้งตัวท่านและฉันไม่ได้สังเกตที่ทรงเปลี่ยนคำสลักหลังซอง เมื่อฉันเขียนจดหมายสนองลายพระราชหัตถ์จึงกราบบังคมทูลแต่อาการให้สิ้นพระราชวิตก แต่มิได้กล่าวถึงเรื่องชื่อมารดา
เมื่อฉันหายเจ็บเข้าไปเฝ้า ตรัสถามว่า ‘สังเกตชื่อแม่ของเธอที่ฉันสลักหลังซองหรือเปล่า’ แล้วจึงดำรัสเล่าเรื่องให้ฟังดังแสดงมา” กรมดำรง ทรงเล่า
อ่านเพิ่มเติม :
- พระเจ้าจอร์จที่ 5 แซว “กรมดำรง” เกิดมาผิดแล้วเมื่อไหร่จะถูกเสียที?
- ทำไม ร.6 ไม่โปรดกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ดูข้อมูลจากหม่อมเจ้าสุภัทรดิศ โอรสองค์เล็ก
- กรมพระยาดำรงราชานุภาพซื้อไม่ได้ด้วยเงิน! พระดำรัสไม่กลับเมืองไทย ทรงยอมใช้ชีวิตมัธยัสถ์ที่ปีนัง
สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่
อ้างอิง :
ดำรงราชานุภาพ, สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยา, ความทรงจำ. พระนคร : เจริญธรรม, 2494
เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 8 กรกฎาคม 2567