ผู้เขียน | กัญญารัตน์ อรน้อม |
---|---|
เผยแพร่ |
“กระดานโหร” อุปกรณ์คู่ใจ “โหร” ช่วยทำนายสารพัดฤกษ์ยาม ตั้งแต่รบทัพจับศึกถึงเปิดกิจการ
โหราศาสตร์ เป็นหนึ่งในวิชาที่ว่าด้วยการทำนายโชคชะตา และทำนายเหตุการณ์ในอนาคตที่อาจจะเกิดขึ้นกับบุคคล หรือสังคม โดยใช้ดวงดาวมาเป็นปัจจัยหลักในการทำนาย ในพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2554 ได้อธิบายว่า “โหราศาสตร์ คือ วิชาว่าด้วยการพยากรณ์โดยอาศัยการโคจรของดวงดาวเป็นหลัก”
โหร แต่ละคนจะมีอุปกรณ์ชิ้นสำคัญที่ใช้ในการทำนายเรียกว่า กระดานดำโหร หรือเรียกอีกอย่างว่า กระดานโหร ซึ่งจะใช้ประกอบในการทำนาย ไม่ว่าจะเป็นการถือฤกษ์ถือยาม ในเรื่องพระราชพิธี ฤกษ์ยามเฉลิมฉลอง การทำภารกิจใหญ่โตสำคัญ เช่น การยกทัพจับศึก ในยุคปัจจุบันก็นำมาประยุกต์ใช้เช่นกัน เช่น การวางศิลาฤกษ์ เปิดกิจการ ถือว่าต้องมีฤกษ์งามยามดี เป็นมงคล หรือการพยากรณ์เหตุการณ์ต่างๆ ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต เป็นต้น
จากในภาพ “พิเภก ตัวละครในเรื่องรามเกียรติ์” ถือ กระดานดำโหร ซึ่งภายในกระดานโหรจะจารึกลวดลายที่เรียกว่า ตารางราศีจักร เป็นที่รู้จักกันดีในหมู่ผู้สนใจโหราศาสตร์ไทย มีชื่อเรียกหลากหลาย อาทิ ตารางลัคนา ตารางพิเภก หรือตารางดวงฤกษ์ ซึ่งลักษณะเป็นรูปวงกลมมีเส้นขนานสองคู่ที่มีระยะห่างเท่ากัน ตัดกันเป็นมุมฉาก และมีเส้นแบ่งครึ่งมุมฉากสี่เส้นลากจากจุดตัดของเส้นขนานแต่ละจุดไปจรดเส้นรอบวง
กระดานโหร ทำมาจากอะไร?
กระดานโหรมักจะทำด้วยไม้มะละกอต้นที่แก่ โดยตัดต้นให้ได้ขนาดนำมาแผ่เป็นแผ่น ใช้ซี่ไม้ไผ่แทงสอดขวางเนื้อไม้ เพื่อไม่ให้ไม้มะละกองอกกลับขึ้นหลังจากที่ผึ่งจนแห้ง ไม้มะละกอที่ผึ่งแห้งแล้วนำมาทำให้มีผิวที่ราบและเรียบทั้งสองด้าน จากนั้นตกแต่งริมทั้งสี่ด้านให้ได้แผ่นกระดานตามขนาดที่ต้องการ โดยปกติขนาดของกระดานโหรมีขนาดกว้าง 12 นิ้ว ยาว 18 นิ้ว ต่อมาทำการลงสมุกผสมกับรักน้ำเกลี้ยง (สมุก คือ ถ่านทำจากใบตองแห้งหรือใบหญ้าคาป่นให้เป็นผงประสมกับรักนํ้าเกลี้ยง สำหรับทารองพื้นบนสิ่งต่างๆ) ลงบนกระดานทั้งสองด้าน
พอสมุกแห้งดีแล้ว ขัดแต่งผิวสมุกให้เรียบด้วยหิน ฟองน้ำ แล้วทาด้วยรักน้ำเกลี้ยงทับผิวหน้าของกระดานขึ้นเป็นสีดำพอสมควร นำมาใส่กรอบเพื่อเสริมสร้างความมั่นคงสำหรับการใช้ต่อ โดยกรอบกระดานโหรมี 2 ส่วนประกอบด้วยกันคือ กรอบด้านสกัดหัวกระดานหรือด้านกว้างของกระดาน เป็นท่อนกลม ขนาดยาวเสมอหน้ากว้างของกระดาษ โคนไม้กลึงจะทำเป็นหัวเม็ดลูกแก้ว ปลายไม้กลึงเป็นหัวเม็ดทรงมัณฑ์ จะประกบติดกับหัวกระดานดำทั้งสองข้าง ส่วนอีกกรอบจะทำด้วยไม้จริงเช่นกัน เหลาไม้เป็นเส้นอย่างผ่าหวาย ประกบติดริมกระดานดำทางด้านยาวทั้งสองข้าง
ประวัติการใช้กระดานโหร
ในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช โหรหลวงได้นำ กระดานโหร เข้ามาใช้ในวังหลวงเพื่อทำนายฤกษ์และพิธีต่างๆ ภายในพระราชวัง ซึ่งสมัยนั้นจะมีหน่วยงานที่เรียกว่า กรมโหรหลวง มี พระยาโหราธิบดีเป็นอธิบดีกรม ทำหน้าที่ทำนายดวงชะตาของบ้านเมือง ของกษัตริย์ หรือเชื้อพระวงศ์ เพื่อหาฤกษ์ยามในการพระราชพิธีและพิธีมงคล กรมโหรหลวงถูกยกเลิกไปหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475
ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ได้นำเข้า กระดานชนวน มาจากต่างประเทศ ถือเป็นกระดานชนวนแรกที่นำมาใช้ในเมืองไทยและมีภายหลังจากกระดานดำและกระดานโหร กระดานชนวนทำขึ้นจากหินชนวนที่มีลักษณะเป็นแผ่นแบน หน้าเรียบ ตัดเป็นแผ่นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า เข้ากรอบไม้กันขอบแผ่นหินปริแตก กระดานชนวนไม่เพียงนำมาใช้ในการทำนายแต่ยังนำมาใช้ในการฝึกเด็กให้เขียนอักษรและตัวเลข
ต่อมาในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 กระดานชนวนและกระดานโหรเริ่มไม่มีคนใช้และไม่มีผู้สั่งกระดานชนวนเข้ามาใช้อีก เนื่องจากผู้คนหันมานิยมใช้สมุดกระดาษที่ทำขึ้นในประเทศเป็นอุปกรณ์การเขียนแทน จึงทำให้กระดานชนวนและกระดานโหรเริ่มหายไป
อ่านเพิ่มเติม:
- โหราศาสตร์กับการเมืองไทย สู่ “สงครามจิตวิทยา” ในคราวปฏิวัติ 2475 !?
- โหราศาสตร์บนฝ่ามือ “เนินจันทรา” คืออะไร บ่งบอกชีวิตแต่ละคนได้อย่างไร?
สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่
อ้างอิง :
สารานุกรมวัฒนธรรมไทย, “กระดานชนวน,” สารานุกรมวัฒนธรรมไทย ภาคกลาง เล่มที่ 1, (2542), หน้า 67.
สารานุกรมวัฒนธรรมไทย, “กระดานดำ,” สารานุกรมวัฒนธรรมไทย ภาคกลาง เล่มที่ 1, (2542), หน้า 67-68.
อรรถวุฒิ วงศ์ประดิษฐ์ และ ประถมจิต ขจรเจริญกุล. (2565). การสร้างตารางราศีจักรในกระดานโหร. วารสารคณิตศาสตร์ โดยสมาคมคณิตศาสตร์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ, 65 (706), 2-3. doi: DOI: 10.14456/mj-math.2022.1
สรชัย ศรีนิศานต์สกุล. (2563). อิทธิพลของโหราศาสตร์ในสังคมและการเมืองไทย (รายงานผลการวิจัย). ชลบุรี: มหาวิทยาลัยบูรพา.
เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 20 มกราคม 2566