ผู้เขียน | ภคอัศม์ โปษะกฤษณะ |
---|---|
เผยแพร่ |
ประวัติศาสตร์ของการใช้น้ำมันหอมระเหยเข้ามาเป็นเครื่องมือในการช่วยผ่อนคลายความเครียดและเหนื่อยล้ามีมาตั้งแต่อดีตสามารถนับย้อนกลับไปได้หลายพันปี โดยชนชาติแรกเริ่มที่มีการนำมาใช้ได้แก่ จีน โดยนำน้ำมันหอม มาใช้ในพิธีบูชาเทพเจ้า [1] ในขณะที่อียิปต์โบราณได้มีการสกัดน้ำมันออกมาจากสมุนไพรและดอกไม้ เช่น คาโมมาย และโรสแมรี่ เป็นต้น โดยใช้เป็นน้ำหอมสำหรับฟาโรห์ [2] ที่เป็นผู้ปกครองเมือง โดยฟาโรห์มีสถานะดังสมมุติเทพซึ่งมีจุดรวมกันก็คือความสูงส่งและเทพเจ้า
น้ำหอม หรือการใช้น้ำมันหอมระเหยในอดีตจึงเป็นเครื่องแสดงฐานะทางสังคม น้ำมันหอมถูกนำกลับมาใช้อย่างแพร่หลายในสังคมชนชั้นสูงยุโรปเพื่อดับกลิ่นกาย เนื่องจากทวีปยุโรปนั้นมีสภาพอากาศที่หนาวเย็นจึงทำให้ผู้คนไม่ค่อยอาบน้ำกันบ่อยนัก ประกอบกับระบบสุขภิบาลที่ไม่เป็นระบบจึงส่งกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ออกมา น้ำหอมจึงเป็นเครื่องมือในการช่วยดับกลิ่น [3] อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่อดีตเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน กรรมวิธีการผลิตนั้นก็มีการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาต่อยอดในทุกยุคทุกสมัย
กรรมวิธีในการทำน้ำมันหอมระเหยสามารถทำได้โดยการนำเอาส่วนต่างๆ อาทิ ดอก ใบ แก่น รากมาสกัดให้เป็นน้ำมัน [4] น้ำมันหอมระเหยถูกใช้อย่างแพร่หลายในวงการ สปา การนวดผ่อนคลายการนวดอโรม่ามีส่วนช่วยทำให้เพิ่มการหมุนเวียนของเลือดและยังผ่อนคลายกล้ามเนื้ออีกด้วย [5]
โดยในปัจจุบันได้นิยมนำน้ำมันหอมระเหยมาผสมทำเทียนหอม กลิ่นของน้ำมันหอมระเหยมีส่วนช่วยในการทำให้ร่างกายตื่นตัว และผ่อนคลายความเครียด [6] ส่วนที่กลิ่นนิยมมาสกัดจากใบ ได้แก่ เปปเปอร์มินต์, ตะไคร้ ส่วนที่สกัดจากผล ได้แก่ ส้ม โดยใช้เปลือกส้มในการสกัด กลิ่นที่นิยมนำมาสกัดจากดอก ได้แก่ ลาเวนเดอร์, กระดังงา และ มะลิ เป็นต้น [7]
โดยในปัจุบันได้มีการพัฒนาน้ำมันหอมระเหยกลิ่นใหม่ๆ โดยใช้กลิ่นของขนมหวานเข้ามาเป็นจุดสนใจ คือ กลิ่นวนิลา ซึ่งเป็นที่นิยมอย่างมากในต่างประเทศในแถบยุโรป [8] ซึ่งในอนาคตเองก็น่าจะมีกลิ่นใหม่ๆแปลกๆ ออกมาอย่างแพร่หลายก็เป็นได้
อ้างอิง :
[1] อำไพลี ละรัตนวงศ, & สิริวัฒน์ ศรีเครือดง. (2564). สุคนธบำบัด ศิลปะจากธรรมชาติเพื่อผ่อนคลายจิตใจผ่านอายตนะ. วารสารจิตวิทยา, Vol.19(No. 1), 59.
[2] González-Minero, F. J., Bravo-Díaz, L., & Ayala-Gómez, A. (2020). Rosmarinus officinalis L. (Rosemary): An Ancient Plant with Uses in Personal Healthcare and Cosmetics. Cosmetics, 7(4), 77. https://doi.org/10.3390/cosmetics7040077
[3] พิทยา บุนนาค (2553). เรื่องของส้วม. ศิลปวัฒนธรรม ฉบับ กรกฎาคม 2553.
[4] วิจิตรา หลวงอินทร์. (2561). สุคนธบำบัดจากน้ำมันหอมระเหย วารสารวิทยาศาสตร์บูรพา, Vol. 23 (No.1), 61–78.
[5] ภรภัทร วุฒิวัฒนกุล. (2557). แผนธุรกิจร้านสปาเพื่อสุขภาพของผู้บริโภคในจังหวัดนนทบุรี (p. 12).
[6] อนุช แซ่เล้า, & สุชาดา กรเพชรปาณี.(2561). ผลของน้ำมันหอมระเหยดอกจำปีต่ออารมณ์ : การศึกษาอารมณ์ ความรู้สึกและจิตสรีรวิทยา. วารสารวิทยาการวิจัยและวิทยาการปัญญา, Vol. 16 (No.1), 150–162.
[7] พงษ์ศักดิ์ จิตตบุตร และคณะ. (2562). ระบบการสกัดน้ำมันหอมระเหยจากพืชสมุนไพรโดยใช้แกลบเป็น เชื้อเพลิง. วารสารวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี. Vol. 4 (No.2), 67
[8] ผจงศักดิ์ หมวดสง. (2556). แนวทางการพัฒนาศักยภาพการตลาดสำหรับผู้ประกอบการ:กรณีศึกษาวิสาหกิจ ผลิตภัณฑ์เทียนหอม จังหวัดเชียงใหม่ . วารสารวิทยาลัยพาณิชยศาสตร์บูรพาปริทัศน์, vol.8(No.1), 29–39.
เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 19 ธันวาคม 2565