หลังม่านไร่ยาสูบที่เกาะวงษ์เกียรติ์ทศวรรษก่อน เรื่องยาฆ่าแมลงและความลำบากในวิถีชีวิต

 ใบยาสูบมองดูคล้ายๆ ใบคะน้าที่ต้นใหญ่เจริญงอกงาม ชาวยาจะประคบประหงมต้นยาให้ใบยาเจริญงอกงามไร้แมลงเจาะไช

บ้านเกาะวงษ์เกียรติ์ เป็นตำบลใหญ่อยู่ในอำเภอศรีสำโรง จังหวัดสุโขทัย ที่ตำบลบ้านเกาะวงษ์เกียรติ์และตำบลที่อยู่ใกล้เคียง จะมีอาชีพปลูกยาสูบกันทุกบ้าน เป็นอาชีพที่สืบทอดกันมาครั้งปู่ย่าตายายนานแล้ว คนในตำบลแถวนี้จึงมีชีวิตอยู่กับยาสูบมานานแสนนาน

ยาสูบที่ปลูกมี 2 พันธุ์ คือ พันธุ์เวอร์จิเนียกับพันธุ์เบอร์เลย์ สมัยรุ่นปู่ย่าตายายจะปลูกพันธุ์เวอร์จิเนีย แต่ปัจจุบันจะปลูกพันธุ์เบอร์เลย์กันทุกบ้าน

Advertisement

ปู่ย่าของฉันก็เป็นชาวเกาะวงษ์เกียรติ์ ที่มีอาชีพปลูกยาสูบมาตั้งแต่ไหนแต่ไร เวลาไปเยี่ยมปู่ย่าในหน้าแล้ง บ้านปู่ย่าจะเต็มไปด้วยแผงยาสูบที่เขาหั่นตากแดดตากน้ำค้างไว้ กลิ่นยาสูบจะคลุ้งไปทั่วบ้าน ซึ่งทุกบ้านเขาจะเคยชินกับกลิ่นยาจนเห็นเป็นเรื่องธรรมดา แต่ลูกหลานนานๆ ไปเยี่ยมทีจะมีความรู้สึกเมายา เหม็นยาตลอดระยะเวลาที่อยู่กับปู่ย่า ทำให้อยู่ไม่ได้นาน อย่างมากก็เพียง 2 คืน ก็จะเมากลิ่นยาสูบแทบจะเดินกลับไม่ได้

ครั้งแรกที่ชาวบ้านปลูกยาสูบพันธุ์เวอร์จิเนียนั้นกรรมวิธีมากมาย เริ่มตั้งแต่เตรียมดิน หาพันธุ์ยา ที่เขาเรียกว่า “ลูกยา” ที่มีคนมีอาชีพเพาะลูกยาขายต้นเล็กๆ แล้วนำไปปลูกในแปลงที่เตรียมดินไว้อย่างดี คอยดูแลจนเติบโตแก่พอจะหักใบ นำมาบ่มให้เหลืองสุกได้ที่ แล้วจึงนำมาหั่นเป็นเส้นยาสูบเป็นฝอย หั่นแล้วตากแดดตากน้ำค้างอีกหลายวัน กว่าจะรวบรวมเป็นตั้งยาสูบ และห่อขายเป็นตั้งๆ กินเวลาประมาณ 3-4 เดือน จึงจะหมดหน้ายา

ปัจจุบันบริษัทที่รับซื้อเปลี่ยนพันธุ์ยา จากพันธุ์เวอร์จิเนียมาเป็นพันธุ์เบอร์เลย์ กรรมวิธีการปลูกจะเหมือนกัน แต่กรรมวิธีการเก็บใบยาจะต่างกัน คือเมื่อใบยาสูบได้ที่แล้วเขาจะเก็บเป็นใบๆ เหมือนกัน แต่ไม่ต้องบ่ม ไม่ต้องหั่นเป็นเส้น เพียงเก็บเป็นใบๆ ร้อยด้วยเส้นตอกผึ่งลมให้แห้ง เมื่อได้ที่ก็จะรวบรวมเป็นก้อนทั้งเป็นใบ นำไปชั่งน้ำหนักขาย เมื่อยาได้ที่เรียบร้อยแล้ว กรรมวิธีการขายจะต่างกันตามพันธุ์เก่ากับพันธุ์ใหม่ พันธุ์เวอร์จิเนียจะขายเป็นยาเส้นที่หั่นละเอียดด้วยมือแล้วตากให้ได้ที่แล้วจะเก็บเป็นตั้งๆ ขายทั้งตั้งๆ

คนสมัยก่อนจะมีอาชีพค้ายาสูบ เรียกว่าแม่ค้ายา ใครมีอาชีพค้ายาสูบมักจะเป็นคนร่ำรวยโดยซื้อยาตั้งจากชาวบ้านแล้วล่องเรือ หรือนั่งรถไฟไปขายยังจังหวัดพระนครศรีอยุธยา จะมีผู้มารับซื้อที่เป็นเจ้าประจำกัน ขายกันเป็นประจำทุกปีตามราคาที่ตกลงกัน แม่ค้าคนกลางก็จะได้เงินเป็นกอบเป็นกำ อาชีพค้ายาสูบสมัยก่อนจะทำให้คนเป็นผู้มีอันจะกินได้ไม่ยาก ผิดกับชาวบ้านเกาะวงษ์เกียรติ์ที่มีอาชีพปลูกยา หน้าขายยาทีก็ร่ำรวยเสียที เสร็จแล้วก็ต้องเริ่มต้นใหม่ในปีหน้า มีเงินใช้สอยต่อเมื่อขายยาที่ปลูกมาทั้งปี ไม่ได้ร่ำรวยเหมือนแม่ค้าคนกลางที่นำเอาไปขายที่อยุธยา ที่นำความร่ำรวยให้แก่ตนจนขึ้นชื่อว่า ใครเป็นแม่ค้าขายยาไปอยุธยาจะเป็นคนร่ำรวยกันทุกคน

ปัจจุบันการค้ายาแบบดั้งเดิมหมดสมัยไปแล้ว ชาวบ้านไม่ต้องมานั่งหัก นั่งบ่มหรือนั่งหั่นให้เสียเวลา ชาวยาจะไปซื้อโควต้ากับบริษัทรับซื้อ เมื่อปลูกได้ใบยาที่เก็บเป็นใบๆ ได้แล้ว ชาวยาจะไปขายให้บริษัทรับซื้อที่ซื้อโควต้าไว้ ก็จะได้เงินเป็นกอบเป็นกำ นับเป็นการขายใบยาที่ทำความร่ำรวยให้แก่ผู้ปลูกยาในสมัยนี้ ผิดกับสมัยก่อนกันไกล

ใครที่ไปเที่ยวสุโขทัยในหน้าร้อน ใบยาจะเจริญงอกงามขึ้นเต็มไร่ สีเขียวของใบมองดูผาดๆ คล้ายๆ ใบคะน้าที่ต้นใหญ่เจริญงอกงาม ทำให้คนเข้าใจผิดคิดว่าทำไร่คะน้า ชาวยาจะประคบประหงมต้นยาอย่างระมัดระวังเพื่อให้ใบยาเจริญงอกงามไม่ให้แมลงมาเจาะไชใบยาให้เป็นรู จะทำให้เสียราคา

วิธีป้องกันแมลงคือใช้ยาฉีดพ่นที่ใบไม่ให้แมลงมาเจาะกินใบยาสูบที่เขียวขจี จึงมียาฆ่าแมลงอยู่เต็มใบตลอดเวลา เมื่อใบแก่ได้ที่เขาก็จะหักจากต้น เอามาร้อยเป็นใบๆ ผึ่งลมให้แห้งสนิทแล้วจึงเก็บรวบรวมเป็นห่อเป็นตั้งให้แก่บริษัทไป ใบยาที่คลุกยาฆ่าแมลงก็จะถึงมือผู้บริโภคเพิ่มอันตรายแก่ผู้สูบอีกอย่างหนึ่งนอกจากพิษที่ได้จากใบยาสูบที่หั่นเป็นเส้นแล้ว

ชาวไร่ยาสูบจะปลูกยาสูบเป็นล่ำเป็นสัน ตามโควต้าที่ซื้อจากบริษัท ในแต่ละปีจะทำเงินให้ชาวยาพอกินพอใช้ หรือร่ำรวยมีเงินเก็บตามแต่จะได้ผลผลิต

แต่บางปีเคราะห์ร้ายในระหว่างที่ต้นยากำลังเจริญงอกงามใบเขียวสะพรั่งเต็มสวน เกิดฝนตกในฤดูร้อนที่มักจะเกิดขึ้นเป็นประจำ ใบยาจะถูกเม็ดฝนทะลุเป็นรูๆ ถ้าตกมากๆ น้ำจะขังท่วมแปลงยาสูบทำให้ต้นยาสูบตายคาแปลง เป็นอันว่าปีนั้นรายได้จากการขายใบยาจะสูญสลายตามน้ำฝน ที่ตกลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตานั้นทันที แปลว่าปีนั้นขาดทุนหมดเนื้อหมดตัว ต้องกู้หนี้ยืมสินธนาคารเอามาลงทุนในปีหน้าต่อไป

ฉะนั้นชาวไร่ยาสูบจะบนบานศาลกล่าวต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ไม่ให้ฝนตกลงมาในขณะใบยาจะได้ที่ บางปีฝนก็ไม่ตกตามที่ชาวไร่บนบาน แต่บางปีฝนก็กระหน่ำลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตา ไร่ยาสูบทุกหนทุกแห่งล่มสลายเป็นแปลงๆ เป็นที่น่าสลดใจ และสงสารชาวยาที่ต้องขาดทุนย่อยยับ เงินที่กู้เขามายังไม่ได้ใช้ต้องสูญสลาย หนี้ธนาคารก็พอกพูนขึ้นเป็นหนึ่งเท่า ปีหน้าฝนไม่ตก ได้กำไรจากการขายไม่คุ้มกับที่เสียหายเมื่อปีที่แล้ว

ชาวไร่ยาสูบจึงไม่ร่ำรวยกับเขาสักที แต่ก็จำต้องทำเพราะเป็นอาชีพ จะได้จะเสียขึ้นอยู่กับฝนธรรมชาติในแต่ละปี

หน้าร้อนชาวบ้านทั่วไปต้องการน้ำฝนมาดับร้อน แต่ชาวไร่ยาแม้จะร้อนแสนร้อนก็ไม่อยากได้น้ำฝน เพราะฝนตกลงมาหมายถึงการสิ้นเนื้อประดาตัวในปีนั้น

 


เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ 23 สิงหาคม 2562