ถวายเครื่องราชอิสริยาภรณ์เป็นพุทธบูชาแด่พระพุทธอังคีรส วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม

สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก โปรดให้สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ ปฏิบัติแทนพระองค์ในการเชิญเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นโบราณมงคลนพรัตนราชวราภรณ์ ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชอุทิศถวายเป็นพุทธบูชาแด่พระพุทธอังคีรส ขึ้นคล้องพระหัตถ์ถวายฉลองพระราชศรัทธาเป็นปฐมฤกษ์ ตามโบราณราชประเพณี

พระมหากษัตริย์ไทยทรงเป็นเอกอัครพุทธศาสนูปถัมภกทุกพระองค์ มีพระราชอจลศรัทธา ได้ทรงทำนุบำรุงให้พระพุทธศาสนารุ่งเรืองไพบูลย์จวบจนปัจจุบัน ทรงสถาปนาศาสนวัตถุ ศาสนสถานไว้อย่างมากมายไพศาล เมื่อทรงเลื่อมใสในพระพุทธปฏิมาองค์ใด ก็ทรงถวายเครื่องต้นบ้าง เครื่องราชูปโภคบ้าง เพื่อเป็นพุทธบูชา อันเป็นเครื่องเติมเต็มพระราชศรัทธาดังสมเด็จพระราเมศวร กษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยาทรงเปลื้องเครื่องต้นถวายพระพุทธชินราช เมืองพิษณุโลก ดังความในพระราชพงศาวดารฉบับสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิตชิโนรส เล่มที่หนึ่งว่า พระเจ้าอยู่หัวเสด็จฯ ยังในเมืองพิษณุโลก นมัสการพระชินราช ชินสีห์ เปลื้องเครื่องต้นถวาย ทรงสักการะสมโภชเจ็ดวันแล้วเสด็จลงมาพระนคร”

ภาพเครื่องราชอิสริยาภรณ์มหาจักรีบรมราชวงศ์และนพรัตนราชวราภรณซึ่งทอดถวายหน้าองค์พระพุทธชินราช สันนิษฐานว่า รัชกาลที่ ๕ ทรงถวายเป็นพุทธบูชา

สมเด็จพระนเรศวรมหาราชก็ได้ทรงถวายเครื่องทรงเป็นพุทธบูชาเช่นกัน ดังความในพระราชพงศาวดารว่า “สมเด็จพระนเรศวรเป็นเจ้าก็กราบทูลถวายบังคมลากลับมายังเมืองพระพิษณุโลกเสด็จไปถวายนมัสการพระชินราชพระชินศรีทรงพระราชูทิศศรัทธาเปลื้องเครื่องสุวรรณลังกาขัตติยาภรณ์ออกกระทำ สักการบูชาแล้ว เสด็จออกพร้อมด้วยมุขมนตรี” และสมเด็จพระเอกาทศรถถวายทองเครื่องราชูปโภคเพื่อมาเป็นทองปิดองค์พระพุทธชินราช ความในพระราชพงศาวดารว่าพระบาทสมเด็จเอกาทศรฐอิศวรบรมนาถบรมบพิตรพระพุทธเจ้าอยู่หัวก็มีพระราชโองการตรัสให้เอาทองนพคุณเครื่องราชูปโภค มาสำหรับเป็นทองประธาศรี จึงเสด็จไปปิดพระพุทธปฎิมาพระชินราชด้วยพระหัตถ์ เสร็จบริบูรณ์ก็แต่งการฉลองแล้ว ให้เล่นมหรสพบูชานมัสการแก่พระพุทธเจ้านั้น ๗ วัน ๗ คืน เป็นมหามโหฬารนักหนา” เป็นต้น

นับแต่นั้นมาก็ปรากฏว่ามีพระมหากษัตริย์ไทยหลายพระองค์ได้ทรงปฏิบัติพระราชพระเพณีนี้ ครั้นถึงรัชกาลที่ ๕ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงถวายเครื่องราชอิสสิรยาภรณ์มหาจักรีบรมราชวงศ์และนพรัตนราชวราภรณ์แด่องค์พระพุทธชินราชเพื่อเป็นพุทธบูชา ครั้นในรัชกาลที่ ๗ และ รัชกาลที่ ๙ ก็ได้ทรงปฏิบัติเช่นเดียวกัน ส่วนสมเด็จพระอัครมเหสีก็ได้ทรงถวายสะพักกรองทองเป็นพุทธบูชาอีกด้วย เข้าใจว่าประเพณีการถวายเครื่องราชสักการะอันโอฬารนี้ เริ่มที่พระพุทธชินราช เมืองพิษณุโลก เป็นปฐม

รัชกาลที่ ๙ ทรงประเคนพัดรัตนาภรณ์และถวายเครื่องราชอิสริยาภรณ์นพรัตน์ราชวราภรณ์ แด่พระพุทธชินราช เมื่อ พ.ศ.๒๕๐๑

นอกจากพระพุทธชินราช เมืองพิษณุโลกแล้ว ปรากฏว่า ที่วัดเบญจมบพิตรซึ่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงสถาปนาขึ้นใหม่ก็ถวายเช่นกัน นอกจากนี้ยังมีภาพการถวายเครื่องราชอิสสิรยาภรณ์ที่พระทศพลญาณ วัดบรมนิวาศอีกด้วย อนึ่งในประวัติวัดระฆังโฆสิตาราม ก็กล่าวว่า รัชกาลที่ ๕ ถวายเครื่องราชอิสริยาภรณ์นพรัตน์ราชวราภรณ์แก่พระประธานยิ้มรับฟ้า ในพระอุโบสถวัดระฆังโฆสิตารามเช่นกัน เข้าใจว่า ทุกพระอารามรัชกาลที่ ๕ ทรงมีพระราชศรัทธาถวายเป็นพุทธบูชาทั้งนั้น

ภาพพระทศพลญาณ วัดบรมนิวาศ กรุงเทพฯ มีเครื่องราชอิสริยาภรณ์นพรัตนราชวราภรณ์ ห้อยที่นิ้วพระหัตถ์

เมื่อคราวสร้างวัดพระศรีมหาธาตุ บางเขน กรุงเทพมหานคร ได้มีการอัญเชิญพระพุทธสิหิงค์จากพระที่นั่งพุทไธสวรรย์ ในพระราชวังบวรสถานมงคล ไปประดิษฐานเป็นพระประธานในพระอุโบสถ ในครั้งนั้นได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ถวายเครื่องราชอิสสริยาภรณ์นพรัตนราชวราภรณ์ เป็นพุทธบูชาแก่พระพุทธสิหิงค์ด้วย

อ่านเพิ่มเติม “พระพุทธสิหิงค์ รัชกาลที่ 1” กับการเมืองไทยสมัยคณะราษฎร

พระพุทธสิหิงค์ เมื่อคราวไปประดิษฐาน ณ วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ บางเขน

ในวาระศุภมงคลฉลอง ๑๕๐ ปีการสถาปนาพระอารามวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้จัดสร้างเครื่องราชอิสริยาภรณ์นพรัตนราชวราภรณ์ สำหรับถวายเป็นพุทธบูชาแด่พระพุทธอังคีรส พระประธานประจำพระอุโบสถวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ซึ่งเป็นวัดที่รัชกาลที่ ๕ สถาปนาขึ้นเป็นวัดประจำรัชกาล เมื่อ พ.ศ.๒๔๑๒ ดังนั้นพระประธานในพระอุโบสถที่ได้รับพระราชทาานเครื่องราชอิสริยาภรณ์มี ๖ พระอาราม คือ

๑. พระพุทธชินราช วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ พิษณุโลก

๒. พระพุทธชิราช วัดเบญจมบพิตร กรุงเทพมหานคร

๓. พระทศพลญาณ วัดบรมนิวาส กรุงเทพมหานคร

๔. พระประธานยิ้มรับฟ้า วัดระฆังโฆสิตาราม กรุงเทพมหานคร

๕. พระพุทธสิหิงค์ วัดพระศรีมหาธาตุ บางเขน กรุงเทพมหานคร (เมื่อคราวประดิษฐานเป็นพระประธาน)

๖. พระพุทธอังคีรส วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม กรุงเทพมหานคร

ผู้เขียน: พระมหาปกรณ์ กิตฺติธโร


เนื่องในศุภมงคลสมัย ๑๕๐ ปีแห่งการสถาปนาวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม

เนื่องในศุภมงคลสมัย ๑๕๐ ปีแห่งการสถาปนาวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม วันพุธที่ ๒๒ มกราคม ๒๕๖๓ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชศรัทธาถวายเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นโบราณมงคล นพรัตนราชวราภรณ์ เป็นพุทธบูชาแด่พระพุทธอังคีรส ประธานพระอุโบสถวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ตามโบราณราชประเพณีที่พระมหากษัตริย์นับแต่กรุงศรีอยุธยา และในกรุงรัตนโกสินทร์ ในพระราชสถานะพุทธศาสนูปถัมภก ทรงพระราชอุทิศถวายเครื่องราชาภรณ์ หรือเครื่องราชอิสริยาภรณ์ เป็นพุทธบูชาแด่พระพุทธปฏิมาที่ทรงพระราชศรัทธา เป็นราชสักการะพิเศษในศุภมงคลสมัยสำคัญ (ภาพจากเพจ : สมโภช 150 ปี วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม)

วันพุธที่ ๒๒ มกราคม ๒๕๖๓ เนื่องในศุภมงคลสมัย ๑๕๐ ปีแห่งการสถาปนาวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ๒๒ มกราคม ๒๕๖๓ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดรับงานสมโภชพระอารามไว้ในพระบรมราชูปถัมภ์ และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา เสด็จแทนพระองค์มาทรงถวายเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นโบราณมงคลนพรัตนราชวราภรณ์ เป็นพุทธบูชาแด่พระพุทธอังคีรส และทรงเป็นประธานในการบำเพ็ญพระราชกุศลสมโภชพระอาราม ทรงสักการะปูชนียวัตถุในพระอาราม พร้อมทั้งทอดพระเนตรนิทรรศการซึ่งจัดขึ้นเพื่อเผยแผ่กิตติประวัติของวัด อดีตเจ้าอาวาส และพระราชศรัทธาของพระบรมราชจักรีวงศ์ต่อพระบวรพุทธศาสนา

การนี้ ทรงจุดเทียนจากโคมไฟฟ้าพระราชทานเลี้ยงเพลิงไว้ในบุษบกเพลิง เพื่อให้สาธุชนต่อเทียน สำหรับการเดินเทียนประทักษิณสมโภชพระอารามถวายเป็นพุทธบูชาในเวลาค่ำ โดยเจ้าพระคุณ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ทรงต่อเทียนประทานแก่สาธุชน พร้อมทรงพระดำเนินนำสาธุชน เดินเทียนประทักษิณสมโภชถวายเป็นพุทธบูชา

อนึ่ง เจ้าพระคุณ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก โปรดให้สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ ปฏิบัติแทนพระองค์ในการเชิญเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นโบราณมงคลนพรัตนราชวราภรณ์ ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชอุทิศถวายเป็นพุทธบูชา ขึ้นคล้องพระหัตถ์ถวายฉลองพระราชศรัทธาเป็นปฐมฤกษ์ ตามโบราณราชประเพณี

ในศุภมงคลสมัย ๑๕๐ ปีแห่งการสถาปนาวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม จะเปิดให้ประชาชนเข้าชมพระอารามและนิทรรศการได้ตั้งแต่ ๐๙.๐๐ น. จนถึงเวลา ๒๑.๐๐ น. ในวันจันทร์ถึงวันพฤหัสบดี และตั้งแต่ ๐๙.๐๐ น. จนถึงเวลา ๒๒.๐๐ น. ในวันศุกร์ถึงวันอาทิตย์ นับแต่วันพฤหัสบดี ที่ ๒๓ มกราคม ถึงวันอาทิตย์ ที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓

ข้อมูลและภาพจากเพจ สำนักงานเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช


เผยแพร่ในระบบออนไลน์เมื่อ 22 มกราคม 2563