ผลศึกษาดีเอ็นเอ บรรพบุรุษ “ชาวอังกฤษไม่ได้ขาว” มาตั้งแต่แรก!?

The Natural History Museum unveils the face of 'Cheddar Man', part of a Channel 4 documentary.'Cheddar Man' unveiled.

เดอะการ์เดียนเผยแพร่รายงานผลการศึกษาของทีมนักวิจัยจากประเทศอังกฤษ ศึกษาจากดีเอ็นเอจากฟอสซิลของเช็ดดาร์ แมน หรือชาวอังกฤษพื้นถิ่นที่เคยอาศัยอยู่บนเกาะอังกฤษมาเป็นเวลากว่า 10,000 ปี โดยพบว่าบรรพบุรุษชาวอังกฤษเดิมมีผิวสีน้ำตาลเข้มถึงผิวสีดำ

การค้นพบดังกล่าวสืบเนื่องมาจากการขุดพบซากฟอสซิลของมนุษย์ดึกดำบรรพ์ในถ้ำเมืองโกจ เขตปกครองซอมเมอร์เซ็ต ทางทิศตะวันตกของอังกฤษ พร้อมกันนี้ยังเชื่อว่าเช็ดเดอร์แมน เป็นมนุษย์กลุ่มแรกที่เดิมทางข้ามจากฝั่งยุโรปขึ้นเกาะอังกฤษ ในช่วงปลายยุคน้ำแข็ง ในตอนแรกเชื่อว่าเช็ดเดอร์แมน มีผิวขาวซีด และผมสีบลอนด์ แต่ดีเอ็นเอที่ค้นพบล่าสุดนี้กลับเผยให้เห็นว่าบรรพบุรุษของชาวอังกฤษไม่ได้มีผิวขาว

Advertisement
The Natural History Museum unveils the face of ‘Cheddar Man’, part of a Channel 4 documentary.’Cheddar Man’ unveiled.

ทอม บูธ นักโบราณคดี จากพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติแห่งชาติ กล่าวว่าในขั้นแรก เราการจินตนาการโดยใช้แนวคิดปัจจุบันมาครอบ ซึ่งมันไม่ตอบโจทย์หรือเชื่อมโยงกับอดีตแม้แต่น้อย

ยอน ดีกแมนน์ นักชีวิทวิทยา จากมหาวิทยาลัยคอลเลจ ลอนดอน ระบุว่าการเชื่อมโยงระหว่างความเป็นชาวอังกฤษและผิวขาวที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงนับตั้งแต่อดีตเป็นเรื่องที่ผิด ทุกอย่างมันเปลี่ยนแปลง และมันจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ

ทางทีมวิจัยวิเคราะห์ยีนส์ที่ส่งผลต่อสีผิว สีและลักษณะของผม รวมไปถึงสีของดวงตา ที่เชื่อมโยงกับชาวยุโรปปัจจุบัน อย่างไรก็ตามกลุ่มเช็ดดาร์ แมน กับการวิเคราะห์ยีนส์ที่บ่งชี้ว่ากลุ่มคนดึกดำบรรพ์นี้มีผิวสีน้ำตาลเข้มถึงดำ แต่มีนัยน์ตาสีฟ้า

นอกจากนี้ยังมีความเป็นไปได้ว่าบรรพบุรุษของเช็ดดาร์แมน เป็นกลุ่มคนที่อพยพเคลื่อนย้ายมาจากแอฟริกา เข้าสู่ตะวันออกกลาง และมุ่งหน้าสู่ยุโรปทางทิศตะวันตก จนกระทั่งใช้ทางเดินโบราณที่เป็นทางดินเชื่อมระหว่างยุโรปกับเกาะอังกฤษเพื่อไปตั้งรกราก

ขณะที่เชื่อว่าเช็ดดาร์แมนเป็นส่วนหนึ่งของบรรพบุรุษชาวอังกฤษผิวขาวในปัจจุบัน นอกจากนี้ยังมีหลักฐานด้วยว่าเช็ดดาร์แมน ที่อยู่อาศัยในถ้ำเป็นพวกที่กินเนื้อมนุษย์ด้วยกันเอง

 


ที่มาข้อมูลและรูปภาพ “ตกลงว่าอังกฤษไม่ได้ขาวมาตั้งแต่แรก ผลศึกษาดีเอ็นเอเผยโฉมหน้าบรรพบุรุษชาวผู้ดี”. ข่าวสดออนไลน์


เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2561