
ที่มา | ศิลปวัฒนธรรม ฉบับเมษายน ๒๕๓๘ |
---|---|
เผยแพร่ |
หลายคนคงรู้จักคำว่า “คาร์นิวาล” หมายถึงความเป็นสากลของเทศกาลแห่งความสุข โดยจัดขึ้นในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ ชาวเมืองในยุโรปและอเมริกา ทั้งในประเทศเยอรมนี ฝรั่งเศส นอร์เวย์ สวีเดน ฯลฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเมืองริโอ เดอ จาเนโร ประเทศบราซิล ต่างก็กำลังสนุกสนานรื่นเริง ทั้ง กิน ดื่ม เต้นอย่างสุดเหวี่ยง ชนิดไม่มีขอบเขตจำกัดความมัน ซึ่งน้อยคนนักที่รู้ว่า คาร์นิวาลมีความเป็นมาอย่างไร
เมื่อถึง “คาร์นิวาล” หลายคนจะนึกถึงกรุงริโอ เดอ จาเนโร ในประเทศบราซิล แต่แท้จริงแล้วต้นกำเนิดของคาร์นิวาลไม่ได้มาจากประเทศบลาซิล แต่เกิดขึ้นมานานแล้วตั้งแต่ยุคสมัยกลาง ซึ่งถือเป็นประเพณีของชาวคริสต์ในการถือบวชเพื่อรำลึกถึงพระเยซู ทรงธุดงค์ป่าเป็นเวลา ๔๐ วัน
ว่ากันว่าเทศกาลคาร์นิวาลที่มีรูปลักษณ์ในการละเล่น เต้นรำอย่างอึกทึกครึกโครมอย่างนี้ มีต้นตำรับของการเฉลิมฉลองเทศกาลคาร์นิวาลมาจากชาวชนบทในยุคสมัยโรมันและกรีกในอดีตที่มีอาชีพทางด้านเกษตรกรรมเป็นหลักทำให้ชาวโรมันและชาวกรีกนับถือเทพเจ้าแห่งการเพาะปลูกและเก็บเกี่ยว โดยชาวโรมันเรียกเทพพระเจ้าองค์นี้ว่า “แว็ตเทิร์นนาเลีย” หรือที่ชาวกรีกเรียกว่า “โครนัส” โดยถือว่าท่านเป็นผู้ประทานพรแห่งความอุดมสมบูรณ์ ทำให้การเก็บเกี่ยวพืชผลในแต่ละปีเป็นไปอย่างมีประสิทธิผล ทุกคนจะเฉลิมฉลองโดยถือว่าเป็นช่วงเวลาแห่งความสุขสมบูรณ์ ตลอดเวลา ๗ วันในพิธีเฉลิมฉลองเทพเจ้าองค์นี้ ให้ถือว่าทุกคนมีสิทธิเสมอภาคเท่าเทียมกันไม่มีการแบ่งแยกว่าเป็นนายและบ่าว ทั้งสองฝ่ายจะนั่งรวมโต๊ะเพื่อรับประทานอาหารมื้อเย็น ไม่มีแบ่งชนชั้นวรรณะ ทุกคนที่ต่างชนชั้นกันจะมีการแลกเปลี่ยนของขวัญในโอกาสพิเศษนี้ และที่สำคัญเทศกาลนี้ยังเปิดทางให้มีการทำกิจกรรมทางเพศโดยไม่มีขอบเขตจำกัดด้วย
ประเพณีนี้ยึดถือเรื่อยมา และกลายเป็นประเพณีที่เน้นในเรื่องความอิสระมากขึ้นเรื่อยๆ ในยุคสมัยหนึ่ง เคยจากองค์สันตะปาปามีความพยายามเข้ามาเป็นผู้เข้ามาสนับสนุนเทศกาลนี้เอง รวมทั้งเสนอแนวคิดการจัดงานบอลล์ โดยให้ผู้ที่มาในงานใส่หน้ากากกันทุกคน เพื่อจะควบคุมไม่ให้งานเฉลิมฉลองคาร์นิวาลเป็นเทศกาลที่เลยเถิดในเรื่องการละเมิดศีลธรรม