“กาพย์เห่เรือ” ของเจ้าฟ้ากุ้ง ไม่เคยใช้เห่เรือ!?

ภาพลายเส้น เรือ สมัย อยุธยา กระบวนพยุหยาตราทางชลมารค กาพย์เห่เรือ เจ้าฟ้ากุ้ง
ภาพลายเส้นฝีมือชาวยุโรป ริ้วกระบวนพยุหยาตราทางชลมารค พิธีกรรมทางน้ำที่พระเจ้าแผ่นดินครั้งกรุงศรีอยุธยาต้องเสด็จฯ มาประกอบพิธีเพื่อความอุดมสมบูรณ์ของราชอาณาจักร พิมพ์ในปี พ.ศ. ๒๒๖๒ (ภาพจาก “กรุงศรีอยุธยาในแผนที่ฝรั่ง” โดย ธวัชชัย ตั้งศิริวานิช, ๒๕๔๙)

กาพย์เห่เรือ ผลงานเลื่องชื่อของ “เจ้าฟ้าธรรมธิเบศ” หรือเจ้าฟ้ากุ้ง วรรณกรรมสำคัญช่วงปลายอยุธยา ในแผ่นดินสมเด็จพระเจ้าบรมโกศ แม้ได้ชื่อว่า กาพย์ (สำหรับ) เห่เรือ แต่ดูเหมือนจะไม่เคยใช้ “เห่เรือ” เลย

“เห่เรือ” คืออะไร?

Advertisement

เห่เรือคือทำนองการร้อง หรือใช้เสียงประกอบการให้จังหวะฝีพายในการพายเรือ ส่วนสำคัญของการพายเรือพระราชพิธี ในขบวนพยุหยาตราทางชลมารค

กาพย์เห่เรือ ของ เจ้าฟ้ากุ้ง มีเนื้อหาสำคัญคือ การสรรเสริญกระบวนเรือพระราชพิธีเสด็จพยุหยาตราทางชลมารคในสมัยอยุธยา ที่พรรณนาได้อย่างละเอียด มีความพิสดาร อีกความโดดเด่นคือ การพรรณนาเชิงสังวาส ในบทคร่ำครวญถึงนางอันเป็นที่รัก

เจ้าฟ้ากุ้งแต่งกาพย์เห่เรือโดยอาศัยฉันทลักษณ์ “กาพย์กลอน” เป็นกาพย์ห่อโคลง คือแต่งโคลงสี่สุภาพ แล้วแต่งกาพย์เลียนแบบพรรณนาเพิ่มเติม ซึ่งเป็นระเบียบวิธีมาแต่โบราณ โดยการประยุกต์ใช้ “กลอนกล่อมเด็ก” ของชาวบ้าน กับกาพย์กลอนของราชสำนัก เรียกว่า “กาพย์เห่กล่อมพระบรรทม”

กาพย์เห่เรือของเจ้าฟ้ากุ้งไม่ได้แต่งเพื่อใช้เห่เรือพระราชพิธีเสด็จพยุหยาตราทางชลมารค

ที่กล่าวเช่นนั้นเพราะเราไม่พบหลักฐานว่า กาพย์เห่เรือของพระองค์ถูกใช้เห่เรือพระราชพิธีในช่วงเวลาไล่เลี่ยกันเลย อันที่จริง กระบวนเสด็จพยุหยาตราทางชลมารคตลอดสมัยอยุธยาก็ไม่พบหลักฐานว่ามีการเห่เรือด้วยซ้ำ

“กาพย์เห่เรือ” มาจากไหน?

สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงสันนิษฐานว่า การเห่เรือ มีต้นแบบจากอินเดีย โดยเป็นมนตร์ในตำราไสยศาสตร์เพื่อบูชาพระราม บทเห่เรือในกระบวนเรือหลวงจึงเป็นคำสวดแบบพราหมณ์ แต่ไทยเราเห่เพื่อใช้บอกจังหวะฝีพายและผ่อนแรงการพายด้วยการทำให้รู้สึกเพลิดเพลิน

อย่างไรก็ตาม นิยามดังกล่าวเพิ่งเกิดขึ้นในยุคหลัง คือสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) เพราะเราไม่พบคำนี้ในต้นฉบับตัวเขียนบนสมุดข่อยของกาพย์เห่เรือที่คัดลอกต่อ ๆ กันมาแต่อย่างใด

หากบอกว่าที่ไม่พบข้อมูลการเห่เรือสมัยอยุธยาเพราะหลักฐานถูกทำลายไปแล้ว แต่สมัยกรุงธนบุรีก็ไม่มีเห่เรือเช่นกัน แม้สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชจะเสด็จทางชลมารคอยู่บ่อยครั้ง ก็ยังไม่พบหลักฐานใดระบุว่ามีการเห่เรือ

เช่นเดียวกับสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ เมื่อแรกสถาปนายังไม่พบบันทึกเกี่ยวกับการเห่เรือ น่าสังเกตว่า แม้แต่นางนพมาศ หรือตำรับท้าวศรีจุฬาลักษณ์ วรรณกรรมสำคัญที่ประพันธ์ขึ้นสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 3) ซึ่งพรรณนาถึงการเสด็จทางชลมารคอย่างละเอียด ตั้งแต่การร้องเล่นสักวา ราษฎรเล่นเพลงเรือ กระนั้นก็ไม่มีการกล่าวถึงการเห่เรือ

นิราศเดือน กวีนิพนธ์เชิงนิราศของ หมื่นพรหมสมพัตสร (เสมียนมี) กวีสมัยรัชกาลที่ 3 พรรณาถึงประเพณี 12 เดือน ไม่ได้เอ่ยถึงการเห่เรือเช่นกัน

แล้วการเห่เรือเริ่มเมื่อใด?

หลักฐานเก่าแก่ที่สุดของการเห่เรือคือเริ่มมีในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 4) คือมี แต่ยังไม่เป็นที่รู้จักแพร่หลาย ก่อนจะเกิด “เห่เรือละคร” ต้นแบบเห่เรือพระราชพิธี ที่ สมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ ทรงสร้างสรรค์ขึ้นจากประเพณีชาวบ้าน แล้วใช้เล่นประกอบละครในแผ่นดินรัชกาลที่ 5 การเห่เรือจึงเป็นที่รู้จักแพร่หลายสืบมาจนปัจจุบัน

เมื่ออ้างอิงตามนี้ “กาพย์เห่เรือ” ของเจ้าฟ้ากุ้ง จึงเป็นบทเห่เรือที่ไม่เคยใช้ “เห่เรือ” อย่างน้อยก็ตั้งแต่ช่วงชีวิตของผู้ประพันธ์ถึงสมัยรัชกาลที่ 4

อ่านเพิ่มเติม : 

สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่


อ้างอิง : 

สุจิตต์ วงษ์เทศ. (2566). อำนาจของภาษาและวรรณกรรมไทย. กรุงเทพฯ : นาตาแฮก.

หอสมุดวชิรญาณ. (2560). ประชุมกาพย์เห่เรือ. สืบค้นเมื่อ 27 มิถุนายน 2567. (ออนไลน์)

กรมศิลปากร. เรือพระราชพิธี : กาพย์เห่เรือของเจ้าฟ้าธรรมธิเบศร. สืบค้นเมื่อ 27 มิถุนายน 2567. (ออนไลน์)


เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 27 มิถุนายน 2567