“ฮิจรา – กะเทยอินเดีย” ทำไมถึงมีวาจาอันศักดิ์สิทธิ์ในการสาปแช่ง?

กะเทย หรือ ฮิจรา (Hijra) ในวัฒนธรรม “อินเดีย” คำนี้เป็นภาษาอูรดู ภาษาถิ่นของทางอินเดียเหนือ ภาษาฮินดีได้ยืมคำนี้มาใช้เรียกคนข้ามเพศหรือเพศที่สาม บุคคลเพศชายที่แสดงลักษณะและพฤติกรรมท่าทางใกล้เคียงกับลักษณะของเพศหญิง

ตำนานที่มาของฮิจรา

ตำนาน “ฮิจรา” ได้รับการพูดถึงในไทย ลงบทความในหนังสือพิมพ์มติชนรายวัน ฉบับวันที่ 17 มกราคม 2566 โดย อธิพัฒน์ ไพบูลย์ กล่าวถึงตำนานฮิจราว่า ตอนหนึ่งของรามเกียรติ์ หรือ รามายณะของฉบับอินเดียใต้ ครั้งที่พระรามถูกเนรเทศ มีกลุ่มคนออกไปส่งพระราม จนกระทั่ง 14 ปี พระรามกลับมา คนกลุ่มนั้นก็ยังยืนรออยู่ ด้วยเหตุเพราะ 14 ปีก่อน พระรามบอกเข้าเมืองแต่ด้วยคนกลุ่มนั้นไม่ใช่ทั้งชายและหญิง จึงไม่กล้ากลับเพราะไม่กล้าโกหก พระรามอวยพรให้มีสิทธิให้พรใครก็ได้ และมีสิทธิ์สาปใครก็ได้โดยคำสาปนั้นจะเป็นจริงเสมอ”

ตำนานฮิจรามีการบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษรราว 400 ปี ถือเป็นเครื่องยืนยันถึงความหลากหลายทางเพศที่มีมานาน แต่มักถูกลืมเลือนในวัฒนธรรมอินเดีย

ต่อมาปลายศตวรรษที่ 15 มีนิทานพื้นบ้านที่เล่าเกี่ยวกับความภักดีของชาวฮิจรา ซึ่งมีบทบาทสำคัญในประวัติศาสตร์มุสลิมของอินเดีย ทำหน้าที่เป็นสุนัขเฝ้าบ้านที่ไร้เพศของฮาเร็มโมกุลของจักรพรรดิโมกุลในอินเดีย

ปัจจุบันฮิจรายังไม่เป็นที่ยอมรับมากนักในสังคม จึงเกิดปัญหาต่างๆ ตามมา เช่น การทำร้ายร่างกายภายในครอบครัว มักจะโดนไล่ออกจากบ้าน เพราะถูกมองว่าเป็นเพศที่น่ารังเกียจ ทำให้ฮิจราจำนวนมากเกาะกลุ่มและสร้างชุมชนฮิจรา ขึ้นมา เพื่อดูแลและช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ประเทศที่มีฮิจรามากที่สุด  คือ อินเดีย ปากีสถาน และ บังกลาเทศ ตามลำดับ

ฮิจรา
“ฮิจรา” ในบังคลาเทศ (ภาพจาก https://wikimedia.org – public domain)

ความเชื่อของคนอินเดียที่มีต่อฮิจรา

คริสต์ศตวรรษที่ 16 ถึง 19 ฮิจรายังถือว่ามีอำนาจทางศาสนาและได้รับการขอพร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงพิธีทางศาสนา วันสำคัญต่างๆ เช่น พิธีต้อนรับเด็กเกิดใหม่ ซึ่งจะนำโชคลาภและความอุดมสมบูรณ์สู่เด็กและครอบครัว

ภายใต้วัฒนธรรมฮินดูดั้งเดิม ฮิจราได้รับความเคารพในระดับหนึ่ง แต่โดนรัฐบาลอังกฤษเข้ามาเปลี่ยนวัฒนธรรม ครั้งที่อินเดียตกเป็นอาณานิคมของอังกฤษในช่วงกลางศตวรรษที่ 19 อังกฤษได้ใช้ความรู้สึกส่วนตัวในการตัดสินเรื่องศีลธรรมทางเพศ โดยตัดสินว่าเพศสภาพของฮิจรานั้นขัดต่อธรรมชาติ ทำให้ผู้คนเริ่มลดการเคารพและให้เกียรติฮิจรา

ฮิจราจะนับถือพระแม่พหุชรา เป็นเทพธิดาท้องถิ่นในศาสนาฮินดู ซึ่งมีที่มาและนิยมสักการะบูชาในรัฐคุชราต และรัฐราชสถานของประเทศอินเดีย พระนางได้รับการนับถือในศาสนาฮินดูว่าเป็นเทพีผู้อุปถัมภ์คุ้มครองรักษาเหล่าฮิจรา (กะเทย) และเป็นเทพีผู้อุปถัมภ์คุ้มครองรักษากลุ่มบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศของศาสนาฮินดูและศาสนาท้องถิ่นของเอเชียใต้

พระแม่พหุชรา
พระแม่พหุชราถือตรีศูล ดาบ และคัมภีร์เป็นอาวุธ มีไก่เป็นพาหนะ

ทุกวันนี้ ฮิจรา รวมถึงคนข้ามเพศพบเจอได้ง่ายบนท้องถนน พวกเธอจะสวมชุดส่าหรีระยิบระยับ ใบหน้าเคลือบหนาด้วยเครื่องสำอางราคาถูก เดินโซเซตามถนนสี่แยกที่มีผู้คนพลุกพล่าน เคาะกระจกรถขอเงินจากผู้คนที่จอดรถตามไฟจราจร โดยมีความเชื่อที่อ้างมาจาก ตำนาน “รามายณะ” หรือ “รามเกียรติ์” หากผู้ใดที่ได้คำอวยพรจากฮิจรา จะมีความโชคดี ได้สิ่งที่ต้องการตามปรารถนา ทว่ามีฮิจราส่วนน้อยมากที่จะอวยพรหรือให้พรกลับ ถึงแม้จะไม่ได้รับพรจากฮิจรา ผู้คนก็ยังคงให้เงินแก่ฮิจราทุกครั้ง เพราะหากไม่ให้เงิน พวกเธอก็จะสาปแช่ง ซึ่งถือเป็นความโชคร้ายและเคราะห์แก่ผู้ที่โดนสาปแช่ง

สังคมอินเดียยังไม่เปิดกว้างต่อผู้มีความหลากหลายทางเพศ และระบบวรรณะยังคงฝังราก กลายเป็นข้อจำกัดที่ทำให้ฮิจราไม่สามารถขยับสถานะทางสังคมหรือประกอบอาชีพอื่นได้มากนัก ประกอบกับความเชื่อการให้โชคของฮิจรายังมีผู้คนสนับสนุนและพร้อมที่จะให้เงิน จึงยังคงพบเห็นฮิจราขอเงินอยู่ทั่วไป 

อ่านเพิ่มเติม :

สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่ 


อ้างอิง :

อธิษฐาน จันทร์กลม. “’หญิง-ชาย’ไม่ใช่ทุกสิ่ง ย้อนปรัชญา ทวนประวัติศาสตร์โลก เจาะลึกวัฒนธรรม ‘ความหลากหลายทางเพศ’,” มติชนรายวัน. 17 มกราคม 2566. หน้า 13.

Sridevi Nambiar. (2017, January 1). A Brief History Of Hijra, India’s Third Gender. Retrieved January 24, 2023, from https://theculturetrip.com/asia/india/articles/a-brief-history-of-hijra-indias-third-gender/?fbclid=IwAR04GGmSRnm5UH1UZI6d7d_GC5SMJxw2- wLaesQWMo5Xd1ne0j8uz65v5K8w

Soutik Biswas. (2019, May 31). How Britain tried to ‘erase’ India’s third gender. Retrieved January  24, 2023, from https://www.bbc.com/news/world-asia-india-48442934?fbclid=IwAR3UHXaGGTSxAPzl8C880mZHEBeZwATXks_3109VBbb9C5oKJykoDpkYSys


เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 27 มกราคม 2566