เผยแพร่ |
---|
Elite เครือประพันธ์สาส์น จับมือ “อโยเดีย” นักพัฒนาซอฟต์แวร์รุ่นใหม่ ผุด Start up เปิดตัวแพลตฟอร์ม VIRF “ซื้อ-ขายลิขสิทธิ์มรดกวัฒนธรรม-สินทรัพย์ทางปัญญา” คาดเม็ดเงินสะพัดปีละ 100 ล้านบาท
บริษัท อีลีท ครีเอทีฟ จำกัด (Elite Creative Company Limited) ในเครือประพันธ์สาส์น ร่วมกับพาร์ทเนอร์นักพัฒนาซอฟต์แวร์คนรุ่นใหม่ “อโยเดีย” (AYODIA R.O.P.) ปิ๊งไอเดียสร้างแพลตฟอร์ม “Virtual Intellectual Rights Fair” หรือ VIRF Platform ซึ่งเป็น creative market place online แห่งแรกของไทย
ถือเป็น Start up ที่น่าจับตา สร้างตลาดออนไลน์รองรับการซื้อ-ขายมรดกทางวัฒนธรรม และสินทรัพย์ทางปัญญาจากทั่วโลก พร้อมเปิดโอกาสผลงานนักเขียนไทยสู่ตลาดสากล คาดว่า 3 ปีแรกจะมีเม็ดเงินสะพัดเฉลี่ยปีละ 100 ล้านบาท
เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน ที่ผ่านมา มีการจัดงาน “ASEAN International Rights Fair” เปิดตัวแพลตฟอร์ม VIRF Platform ผ่านระบบ Cisco WebEx งานครั้งนี้ถือเป็นการเปิดตัวแบบ Soft opening โดยในงานจะมีบุคคลผู้มีชื่อเสียงในแวดวงวรรณกรรมเข้าร่วมอย่างคึกคัก อาทิ นายสกุล บุณยทัต นายกสมาคมนักเขียนแห่งประเทศไทย อัญชัญ นักเขียนรางวัลซีไรต์ นางวิทิดา ดีทีเชอร์ นักเขียนรางวัลชมนาดคนล่าสุด อัสมา นาเดีย นักเขียนเรืองนามแห่งอินโดนีเซีย แอกเนส ชาน นักเขียนเบสเซลเลอร์ และ นายเสกสรรค์ ประเสริฐกุล ศิลปินแห่งชาติ
นายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงวัฒนธรรม ในนามรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวเปิดงานว่า กระทรวงวัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ในฐานะสมาชิกคณะกรรมการนโยบายส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์แห่งชาติ สนับสนุนและส่งเสริมทุกภาคส่วนในอุตสหกรรมวัฒนธรรมและความคิดสร้างสรรค์
โดยคำนึงถึงหลักการพัฒนา Bio-Circular-Green Economy หรือ BCG มีเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ ซึ่งศิลปะและวัฒนธรรมโดยหน้าที่ถือเป็นเครื่องมือสำหรับมวลมนุษย์ และการเติบโตทางเศรษฐกิจและสังคมอย่างยั่งยืน
สำหรับกระทรวงวัฒนธรรมแห่งประเทศไทยที่ผ่านมาได้ส่งเสริมการใช้ทุนทางวัฒนธรรม และมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้เพื่อส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจ และสังคมที่สมดุลและยั่งยืนมาโดยตลอด ซึ่งปัจจุบันนี้โลกต่างตระหนักดีแล้วว่างานศิลปะและวัฒนธรรมนั้นมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาสังคม และ มวลมนุษยชาติ
ดังนั้นถึงเวลาแล้วที่อุตสาหกรรมของสื่อสร้างสรรค์ต่างๆ จะโลดแล่นอย่างไร้พรมแดนทั้งทางกายภาพ และ จินตนาการ ด้วยการเกิดขึ้นของ Virtual Intellectual Rights Fair หรือ แพลตฟอร์ม VIRF
“ตอนนี้เรามีตลาดเสมือนจริงที่ผู้สร้างสรรค์เนื้อหา และผู้ถือลิขสิทธิ์ จะสามารถมาร่วมพบปะ เพื่อแลกเปลี่ยนความคิด และดำเนินการตามข้อตกลงทางธุรกิจ โดยไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการเสียเวลากับการติดต่อข้ามซีกโลก ซึ่งในงานครั้งนี้จะนำเสนอในรูปแบบดิจิทัลเป็นครั้งแรก ที่จะประกอบไปด้วยผู้ร่วมงานหลากหลายในประเทศกลุ่มอาเซียน และผลงานที่เป็นนวัตกรรมต่างๆ ซึ่งจะเป็นแนวทางสำหรับแพลตฟอร์มอื่นๆ ในอนาคต
เนื่องจากโลกดิจิทัลเป็นสื่อที่ใช้เชื่อมโยงกันในชีวิตประจำวันของเราในช่วงเวลาวิกฤตที่เกิดขึ้น ที่ผ่านมาเราได้ต่อสู้ดิ้นรน ได้พยายามและล้มเหลว แต่ในที่สุดก็ได้พบหนทางให้อุตสาหกรรมสิ่งพิมพ์และคอนเทนต์ต่างๆ ได้เจริญรุ่งเรืองแล้ว ถือเป็นการสร้างสะพานที่พังทลายไปแล้วขึ้นมาใหม่อีกครั้ง” นายปรเมศวร์ กล่าว
ด้าน ดร.ทวีลาภ ฤทธาภิรมย์ กรรมการบริหารและผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ธนาคารกรุงเทพมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เป็นสปอนเซอร์รายแรกของแพลตฟอร์ม VIRF โดยทางธนาคารได้มีการสนับสนุนโครงการที่เกี่ยวกับงานวรรณกรรมอยู่มากมาย เช่น การสนับสนุนรางวัล S.E.A Write Award การสนับสนุนรางวัลชมนาด รวมทั้งการตีพิมพ์หนังสือลักษณะไทยอีกด้วย
ทั้งนี้ทางธนาคารเห็นว่าโลกของเราในปัจจุบันได้มีการเปลี่ยนแปลงไปมาก มีการนำดิจิทัลมาใช้ในชีวิตประจำวันมากมาย และหลายสิ่งหลายอย่างได้ปรับเปลี่ยนไปอยู่บนแพลตฟอร์มออนไลน์มากขึ้น ดังนั้นธนาคารจึงเห็นความสำคัญของการสนับสนุนองค์กรที่มีความคิดก้าวไกล บวกกับประสบการณ์ที่ล้นหลามของผู้บริหารของทั้ง 2 องค์กรที่คิดค้น VIRF ขึ้นมา ทำให้แพลตฟอร์ม VIRF นั้นเป็นแพลตฟอร์มที่มีความน่าเชื่อถือ และน่าสนใจเป็นอย่างมาก
นายอาทร เตชะธาดา กรรมการผู้จัดการ บริษัท อีลีท ครีเอทีฟ จำกัด ผู้ร่วมก่อตั้ง VIRF กล่าวว่า ไม่เพียงประสบการณ์ในวงการหนังสือ ตนเองยังสั่งสมประสบการณ์ในแวดวงธุรกิจลิขสิทธิ์ระหว่างประเทศมายาวนานถึง 25 ปี ดังนั้นเมื่อเกิดการดิสรัปจากเทคโนโลยี อีกทั้งสถานการโควิด-19 ทำให้มีความคิดที่จะสร้างแพลตฟอร์มออนไลน์
กระทั่งได้เจอกับ “อโยเดีย” บริษัทพัฒนาซอฟต์แวร์เป็นห้างหุ้นส่วนสามัญที่ประกอบไปด้วยคนรุ่นใหม่ เมื่อได้พูดคุยกันจึงตกลงเป็นพาร์ทเนอร์ร่วมก่อตั้งธุรกิจมาเก็ตเพลสขึ้นมาบนแพลตฟอร์มที่เรียกว่า “Virtual Intellectual Rights Fair” หรือ VIRF
“เปรียบเทียบให้เห็นภาพ อย่างลาซาด้า ชอปปี้ เป็นมาร์เก็ตเพลสสำหรับสินค้าอุปโภคบริโภค แต่ VIRF คือมาร์เก็ตเพลสของสินค้าทางวัฒนธรรม และไอพีทั้งหลายแหล่ ไอพี หรือ ลิขสิทธิ์เพียงแค่เรื่องนี้ก็แตกย่อยออกไปมาก ตั้งแต่ หนังสือ ฟิล์ม ละคร นาฎศิลป์ ดนตรี รวมไปถึงเกม
โดยแพลตฟอร์มนี้เราจะจัดเอง หรือเปิดเป็นพื้นที่เช่าจัดงานก็ได้ ระยะแรกจะให้พื้นที่อาเซียนมาใช้งานในราคาไม่แพงก่อน จากนั้นก็ขยับตลาดไปที่ยุโรป อเมริกา และทั่วโลก”
นายอาทร กล่าวว่า วันเปิดตัววันแรกนี้ เราได้เชิญตัวแทนที่มีประสบกาณ์งานแฟร์จากอาเซียน 6 ประเทศเข้าร่วมด้วย ได้แก่ เวียดนาม สิงคโปร์ อินโดนีเดีย ฟิลิปปินส์ ไทย และ มาเลเซีย และจะมี 10 บูทที่จะมาออก เป็นบูทไพรอท แล้วเราจะมีโปรแกรมที่เกี่ยวกับกิจกรรมหลากหลาย มีวิดีโอ พรีเซนเตชั่น อธิบายเกี่ยวกับแพลตฟอร์มนี้อย่างเป็นรูปธรรม ไม่ใช่แค่มาค้าขายกันอย่างเดียวก็จะน่าเบื่อ
“ตลาดนี้มีประโยชน์มาก ต่อไปต่อให้โควิดหายแล้ว ก็ยังเล่นลูกผสมได้ คือ ทั้งจัดแฟร์ตามปกติ และแพลตฟอร์มเสมือนจริง เพราะการเดินทางไปค้าขายมันมีต้นทุนที่ต้องจ่าย ค่าเดินทาง ที่พัก ค่าเข้างาน ต้องวางแผนเยอะ แต่ต่อไปนี้ใครมีกำลังก็ไป งานเสร็จก็ท่องเที่ยว
ขณะเดียวกัน เอสเอ็มอี รายย่อยต่างๆ ที่กำลังไม่พอจ่ายค่าต้นทุนสูงๆ ก็จะมีโอกาสเข้าแข่งขันในตลาดได้เช่นกัน ที่สำคัญไม่ต้องรองานแฟร์ แต่แพลตฟอร์มนี้เปิดได้ตลอด 365 วัน 24 ชั่วโมง สำหรับต่างชาติเขาเห็นโอกาสที่จะขายของ และเราก็มีโอกาสจะขายลิขสิทธิ์เขาเหมือนกัน ซึ่งเราก็ต้องมาคุยในวงนักเขียนว่าจะทำยังไงให้ตลาดยอมรับว่าคอนเทนต์เราเข้มแข็งเหมือนกัน” นายอาทร กล่าว