14 มิถุนายน 2538 โศกนาฏกรรมโป๊ะล่ม ที่ท่าพรานนก

เหตุการณ์โป๊ะล่ม ที่ท่าพรานนก (ภาพ : ศูนย์ข้อมูลมติชน)

14 มิถุนายน 2538 โศกนาฏกรรมโป๊ะล่ม ที่ท่าพรานนก กรุงเทพมหานคร ความสูญเสียเพราะกลไกระบบราชการและการขนส่งมวลชนไทย

เมื่อเวลา 07.30 น. วันที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2538 ที่ท่าเทียบเรือด่วนเจ้าพระยา “ท่าพรานนก” เขตบางกอกน้อย กรุงเทพฯ มีประชาชนและนักเรียนจำนวนมากถึงราว 150 คน รอลงเรือด่วนเจ้าพระยาที่โป๊ะ ทั้งที่มีป้ายจำกัดจำนวนที่ 60 คน

ประกอบกับเวลานั้นมีเรือด่วนเข้าเทียบท่าด้วยความเร็วจนกระแทกโป๊ะ ทำให้มีคนตกน้ำ 1 คน ผู้ที่อยู่บนโป๊ะต่างตกใจ และพยายามชะเง้อดูเพื่อหาทางช่วยเหลือ ทำให้น้ำหนักเทไปอยู่ที่มุมเดียว จนโป๊ะค่อยๆ เอียงกระทั่งจม คนบนโป๊ะต่างตกใจและพยายามหนีขึ้นไปบนท่า แต่เนื่องจากบนสะพานระหว่างโป๊ะกับท่ามีคนยืนอยู่จำนวนมาก คนนับสิบจึงตกน้ำ และด้วยโป๊ะมีหลังคา ทำให้คนที่จมและตะกายตัวขึ้นมาเหนือน้ำติดหลังคา ไม่สามารถหาทางออกมานอกหลังคาได้

เกิดเป็นโศกนาฏกรรมโป๊ะล่ม ที่ทุกคนไม่คาดคิด

โศกนาฏกรรมโป๊ะล่ม ท่าพรานนก
เจ้าหน้าที่พยายามช่วยเหลือผู้ประสบเหตุโป๊ะล่ม (ภาพ : ศูนย์ข้อมูลมติชน)

เวลาผ่านไปถึง 08.00 น. ตำรวจน้ำ ทหารเรือ เจ้าหน้าที่กรมเจ้าท่า เจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง และมูลนิธิร่วมกตัญญู รุดมายังที่เกิดเหตุพร้อมเครื่องมือประดาน้ำ เพื่อช่วยเหลือผู้จมน้ำและติดอยู่ในซากโป๊ะ

แต่การช่วยเหลือเป็นไปอย่างยากลำบาก เนื่องจากเครื่องมือประดาน้ำมีไม่เพียงพอ และเป็นช่วงน้ำขึ้น มีคลื่นและกระแสน้ำพัดรุนแรง เมื่อเจ้าหน้าที่กู้ภัยช่วยเหลือผู้จมน้ำขึ้นมาได้ก็ทยอยนำส่งโรงพยาบาลศิริราชอย่างฉุกละหุก

หตุการณ์ครั้งนี้มีผู้เสียชีวิต 29 ราย มีทั้งผู้ใหญ่วัยทำงานและนักเรียนที่กำลังไปโรงเรียน

โศกนาฏกรรมโป๊ะล่ม ท่าพรานนก
เจ้าหน้าที่พยายามช่วยเหลือผู้ประสบเหตุโป๊ะล่ม (ภาพ : ศูนย์ข้อมูลมติชน)

หลังเกิดโศกนาฏกรรม สังคมได้ตั้งคำถามถึงเรื่องความปลอดภัยด้านการขนส่งทางเรือ บทนำในหนังสือพิมพ์มติชน ฉบับวันที่ 16 มิถุนายน 2538 ระบุตอนหนึ่งว่า

“ต้องกล่าวโทษต่อหน่วยราชการที่ดูแลและรับผิดชอบที่ไม่มีมาตรการจัดให้ความปลอดภัยแก่ผู้โดยสารทางเรือ ในเมื่อผู้โดยสารมีความจำเป็นที่ต้องเร่งรีบแข่งกับเวลา หน่วยงานรับผิดชอบควรกระทำหน้าที่เป็นหูเป็นตาเป็นผู้พิทักษ์ความปลอดภัยของผู้โดยสารให้เคร่งครัด

หน่วยงานที่รับผิดชอบควรต้องมอบหมายให้มียามรับผิดชอบ คอยกักมิให้ผู้โดยสารลงไปที่โป๊ะมากเกินพิกัด เพราะฉะนั้นการดูแลให้ผู้โดยสารตั้งคิว หรือยืนรอคิวเพื่อรอลงท่าตามลำดับก่อนหลังจึงจำเป็น

วัฒนธรรมในการเข้าคิวของเรายังมีน้อย ทำให้เกิดการโกลาหลแก่งแย่งกันเบียดเสียดขึ้นรถและลงเรือ
อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นครั้งนี้กลายเป็นที่โยนความรับผิดชอบกันระหว่างหน่วยงานราชการหลัก 2 หน่วยคือ กรมเจ้าท่า กับ กทม. เพราะการที่ไม่มีใครเข้าไปดูแลอย่างจริงจัง ไม่ใส่ใจซ่อมแซมประตูปิดกั้นที่เคยทำหน้าที่กันมิให้ผู้โดยสารทะลักลงไปที่โป๊ะท่าเรือจนเกินพิกัด

เมื่อไม่มีประตูปิด กั้นผู้โดยสารซึ่งต้องเร่งรีบเดินทางแข่งกับเวลาต่างก็ลงไปเบียดเสียดกันอยู่บนโป๊ะจนเกิดเหตุโศกนาฏกรรมในที่สุด มีผู้เสียชีวิตมากกว่าเมื่อครั้งที่โป๊ะงานเลี้ยงของโรงแรมแห่งหนึ่งที่อยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาล่มเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา”

ก่อนหน้านี้ เมื่อ วันที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2535 เคยเกิดเหตุการณ์ในลักษณะเดียวกัน เนื่องจากพนักงานของบริษัทแห่งหนึ่งไม่น้อยกว่า 450 คน ไปกินเลี้ยงเฉลิมฉลองปีใหม่กันบนโป๊ะ ซึ่งโรงแรมได้ดัดแปลงเป็นแพอาหาร แต่ไม่สามารถรับน้ำหนักคนจำนวนมากขนาดนั้นได้ จึงเกิดเหตุการณ์โป๊ะล่ม มีผู้เสียชีวิต 12 ราย

หลังเกิดโศกนาฏกรรมโป๊ะล่ม ปี 2538 ได้มีการปรับปรุงโป๊ะตามท่าเรือเจ้าพระยาแห่งต่างๆ มีการเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยมากขึ้น เช่น ไม่มีหลังคา จำกัดจำนวนคนบนโป๊ะอย่างเคร่งครัด เป็นต้น

อ่านเพิ่มเติม :

สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่


เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 14 มิถุนายน 2568