รู้ทันก่อนเป็นโรคซึมเศร้า อาการป่วยที่ไม่ควรมองข้าม

โรคซึมเศร้า

โรคซึมเศร้าหนึ่งในอาการป่วยทางด้านร่างกายและจิตใจที่คุณอาจเป็นโดยไม่รู้ตัว ในปัจจุบันมีจำนวนผู้ป่วยโรคนี้เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวันเป็นอย่างมาก หากไม่ได้รับการรักษาที่เหมาะสมและทันเวลาก็อาจทำให้อาการป่วยหนักกว่าเดิมได้ หากใครที่กังวลว่าตนเองมีความเสี่ยงเป็นโรคซึมเศร้า ก็มาทำความรู้จักกับโรคนี้พร้อมแนวทางในการป้องกันที่ด้านล่างนี้เลย 

ทำความรู้จักกับโรคซึมเศร้า

โรคซึมเศร้า (Major depressive disorder) คือ หนึ่งในโรคทางจิตเวชที่เกิดจากความผิดปกติของร่างกายของสารสื่อประสาทในสมอง 3 ชนิด ได้แก่ นอร์เอปิเนฟริน ซีโรโตนินและโดปามีน โรคซึมเศร้าจึงส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตของผู้ป่วยทั้งทางด้านร่างกายอย่างการนอนหลับ การเบื่ออาหาร และทางด้านจิตใจที่ทำให้เกิดอารมณ์แปรปรวน มีความรู้สึกวิตกกังวล ตลอดจนมีอาการซึมเศร้ามากกว่าคนปกติ 

Advertisement

โรคซึมเศร้ามีกี่ระดับ? โดยทั่วไปโรคซึมเศร้าสามารถแบ่งออกเป็น 3 ระดับ ได้แก่ ระดับเล็กน้อย ระดับปานกลาง และระดับรุนแรง โดยจิตแพทย์จะทำการพิจารณาระดับของอาการป่วยจากปัจจัยที่เกี่ยวข้อง เช่น ความรุนแรงของอาการ, ระยะเวลาป่วย, ภาวะทางอารมณ์ เป็นต้น 

ปัจจัยเสี่ยงที่นำไปสู่โรคซึมเศร้า มีอะไรบ้าง?

อาการซึมเศร้าสามารถเกิดขึ้นได้ทุกเพศและทุกวัย บางรายอาจมีอาการป่วยตั้งแต่ช่วงวัยเด็กเลยทีเดียว ซึ่งปัจจัยเสี่ยงที่นำไปสู่การเกิดโรคซึมเศร้ามีด้วยกันดังนี้ 

  • มีประวัติป่วยเป็นโรคทางจิตเวช เช่น โรคแพนิค โรคไบโพลาร์ 
  • สมาชิกในครอบครัวมีประวัติเจ็บป่วยจากโรคซึมเศร้า หรือมีประวัติติดสุราเรื้อรัง 
  • เป็นโรคเจ็บป่วยเรื้อรัง เช่น โรคหัวใจ โรคสมอง 
  • การทานยานอนหลับเป็นประจำ 
  • พบเจอเหตุการณ์ที่ส่งผลต่อจิตใจอย่างรุนแรง เช่น สูญเสียคนในครอบครัว ถูกทำร้ายร่างกาย 
  • มีลักษณะนิสัยชอบตำหนิหรือดูถูกตนเอง มองโลกในแง่ร้าย 

โรคซึมเศร้ามีอาการอย่างไร?

ความรุนแรงของอาการจากโรคซึมเศร้าย่อมส่งผลต่ออารมณ์และพฤติกรรมของผู้ป่วยที่แตกต่างกัน ดังนั้น จิตแพทย์จึงจำเป็นต้องแบ่งระดับอาการเพื่อหาวิธีรักษาโรคซึมเศร้าที่เหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละบุคคล ซึ่งมีอาการของโรคซึมเศร้าที่พบเจอบ่อย ๆ มีดังนี้

  • มีอาการหงุดหงิด กระวนกระวายใจตลอดเวลา 
  • เบื่ออาหารหรือรับประทานมากขึ้นผิดปกติ 
  • รู้สึกเหนื่อย ไม่มีแรง อ่อนเพลียบ่อย 
  • นอนหลับไม่สนิท 
  • ไม่สนใจหรือรู้สึกอยากทำสิ่งที่เคยชื่นชอบ
  • รู้สึกวิตกกังวล เศร้าเป็นเวลานาน 
  • คิดเรื่องฆ่าตัวตาย ด้อยค่าตัวเอง 
  • สมาธิสั้น คิดและตัดสินใจได้ช้าลง 

สาเหตุที่ทำให้เกิดโรคซึมเศร้า

โรคซึมเศร้ารักษา

นอกจากการทำงานผิดปกติของสารสื่อประสาท หรือสารเคมีในสมองที่ทำให้มีอาการซึมเศร้าแล้ว โรคซึมเศร้ายังมีสาเหตุจากพันธุกรรมในครอบครัวได้ ความเสี่ยงในการเป็นโรคนี้จะสูงขึ้น หากพบว่าคนในครอบครัวป่วยเป็นโรคซึมเศร้าด้วยเช่นกัน อีกทั้งความไม่สมดุลของระดับฮอร์โมนในร่างกายเองก็มีผลทำให้เกิดอารมณ์แปรปรวนและกระตุ้นให้เกิดภาวะซึมเศร้าได้

นอกจากนี้ โรคซึมเศร้าอาจเกิดจากสภาพแวดล้อมทางสังคมได้ ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์ในชีวิตประจำวันจากที่ทำงาน โรงเรียน หรือครอบครัว ความสัมพันธ์จากคนรอบข้าง ตลอดจนการอบรมเลี้ยงดูของคนในครอบครัว 

โรคซึมเศร้าสามารถรักษาหายไหม?

โรคซึมเศร้ารักษาหายไหม? ปัจจุบันการรักษาซึมเศร้ามีหลากหลายวิธีที่สามารถรักษาให้หายเป็นปกติ หรือบรรเทาอาการให้ลดน้อยลง ไม่ว่าจะเป็นการรักษาด้วยวิธีจิตบำบัด เป็นการพูดคุยแลกเปลี่ยนเรื่องราวกับจิตแพทย์ เหมาะสำหรับผู้มีอาการไม่รุนแรงควบคู่กับการรับประทานยาเพื่อปรับสารเคมีในสมอง หรือการรักษาด้วยไฟฟ้า (ECT) เป็นการกระตุ้นสมองผ่านกระแสไฟฟ้า เพื่อรักษาอาการจากโรคซึมเศร้าและอาการทางจิตเวช

เมื่อเป็นโรคซึมเศร้าควรรับมืออย่างไร?

หากพบเจอผู้ป่วยที่เป็นโรคซึมเศร้าจากคนใกล้ตัวหรือคนในครอบครัว สิ่งที่คนทั่วไปสามารถช่วยเหลือผู้ป่วยได้ก็คือ การเรียนรู้ว่าโรคนี้ส่งผลให้ผู้ป่วยมีอาการและพฤติกรรมแบบใด เพื่อให้เข้าใจความรู้สึกและสร้างความสบายใจให้กับผู้ป่วย ผ่านการสนับสนุนเล็ก ๆ น้อย ๆ ไม่ว่าจะเป็นการรับฟังเรื่องราวด้วยความตั้งใจ, สร้างความไว้วางใจ, พูดให้กำลังใจ หรือชวนทำกิจกรรมใหม่ ๆ ให้ผู้ป่วยไม่รู้สึกโดดเดี่ยว 

ทั้งนี้ หากต้องการพูดให้กำลังใจผู้ป่วยควรหลีกเลี่ยงคำพูดบางคำที่อาจไม่เหมาะสม หรือสร้างความกดดันให้ผู้ป่วยโรคซึมเศร้าแทน เช่น สู้สู้, อย่าคิดมาก, ไม่เป็นไร เป็นต้น เพราะคำพูดดังกล่าวอาจไปกระตุ้นเหตุการณ์จนทำให้ผู้ป่วยซึมเศร้ามากกว่าเดิม

การป้องกันโรคซึมเศร้า

สำหรับใครที่กำลังเริ่มมีอาการเสี่ยงเป็นโรคซึมเศร้าอย่างการวิตกกังวล กดดันตัวเอง หรือเกิดความเครียดเป็นระลอก ควรเริ่มรักษาอาการซึมเศร้าด้วยการพูดคุยกับคนที่คุณไว้วางใจเกี่ยวกับเรื่องที่ทำให้รู้สึกเศร้าและกดดัน เพื่อเป็นการแบ่งเบาเรื่องราวที่คุณกำลังพบเจออยู่คนเดียว หากรู้สึกเครียดมากเกินไปให้ลองหันมาทำกิจกรรมเบา ๆ ที่ช่วยสร้างความผ่อนคลายและความสุข เช่น การออกกำลังกาย การทำอาหาร หรือฟังเพลง 

การฝึกทักษะการแก้ปัญหาและทักษะการสื่อสารถือเป็นอีกหนึ่งวิธีป้องกันการเป็นโรคซึมเศร้าที่ดี เพราะนอกจากจะช่วยในเรื่องการตัดสินใจและการปรับตัวในสังคมแล้ว ยังช่วยควบคุมสติกับอารมณ์ของตัวเองได้ดีเช่นกัน 

สรุปเรื่องโรคซึมเศร้า

โรคซึมเศร้าเป็นหนึ่งในอาการทางจิตเวชที่สามารถพบเจอได้ในทุกเพศ ทุกวัย ซึ่งส่งผลกระทบต่อผู้ป่วยทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจ โดยปกติแล้วโรคนี้เกิดจากการทำงานผิดปกติของสารสื่อประสาทในสมอง หรือเหตุการณ์ในชีวิตประจำที่กระทบต่อความรู้สึกอย่างรุนแรง 

ปัจจุบันโรคซึมเศร้าไม่ใช่โรคน่าอาย เป็นเพียงอาการป่วยรูปแบบหนึ่งที่ควรได้รับการรักษาอย่างถูกวิธี หากสังเกตตัวเองแล้วพบว่าเริ่มมีอาการซึมเศร้า ควรเข้ารับการปรึกษากับจิตแพทย์เพื่อหาแนวทางการรักษาที่เหมาะสมกับคุณที่สุด ดาวน์โหลด BeDee คลิก https://bit.ly/4btcZSY