รหัสนัยแห่งสีขาวในประวัติศาสตร์มนุษย์

ทำเนียบขาว บนด้านหลังธนบัตรดอลลาร์แบบเก่า (ภาพจาก รหัสนัยแห่งสี, สนพ.มติชน)

สีขาวเป็นสีหรือเปล่า? หากพูดกันโดยอาศัยพื้นฐานทางฟิสิกส์เพียงอย่างเดียวละก็ สีขาวไม่ใช่สีเลยด้วยซ้ำ ตาของมนุษย์สามารถมองเห็นคลื่นแสงที่มีขนาดอยู่ระหว่าง 380-750 นาโนเมตร แถบสีสเปกตรัมที่เรามองเห็นได้เริ่มต้นที่สีม่วง (ราว 380-450 นาโนเมตร) จากนั้นก็ขยับขึ้นมาเป็นสีน้ำเงิน สีเขียว สีเหลือง สีส้ม และสุดท้ายจึงเป็นสีแดง (ขนาดตั้งแต่ 590-750 นาโนเมตร) ในเมื่อสีขาว สีดำ สีชมพู และสีน้ำตาล ไม่ได้ปรากฏอยู่ในแถบสีดังกล่าว คุณถึงสามารถแย้งได้ว่า มันไม่ใช่สีที่แท้จริงเลย

ถ้าเป็นอย่างนั้นแล้วเรามองเห็นมันได้อย่างไร?

เราเห็นสีเหล่านี้ได้เพราะตาของเราผสมผสานแถบสีที่มีความยาวคลื่นแตกต่างกันเข้าด้วยกัน เราเห็นสีขาวเมื่อคลื่นแสงทุกความยาวคลื่นถูกสะท้อนกลับออกมาจากวัตถุนั้นๆ ทั้งหมด และเราเห็นสีดำเมื่อคลื่นแสงที่มีความยาวคลื่นเพียง 2-3 ความยาวคลื่นถูกสะท้อนกลับมา พูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ สีขาวก็คือสีอื่นๆ ทุกสีรวมกันนั่นเอง

TB1 หรือที่รู้จักกันในชื่อ “สีขาวโถส้วม” (toilet bowl white) คือเฉดที่คนอเมริกันจำนวนมากอยากให้ฟันของตนเป็นสีนี้ อย่างที่ทันตแพทย์ โรนัลด์ เพอร์รี กล่าวกับนิตยสาร Nautilus ไว้เมื่อปี 2015 ว่า “สีซึ่งครั้งหนึ่งเคยถือกันว่าเป็นสีขาวธรรมชาติ ในตอนนี้ผู้คนกลับถือเป็นสีเหลืองไปแล้ว ในสังคมเราถือกันว่ายิ่งขาวและยิ่งสว่างมากเท่าใดยิ่งดีมากเท่านั้น”

ความหมกมุ่นของโลกตะวันตกกับการ “ขาวยิ่งกว่าขาว” นั้นสะท้อนออกมาในคำขวัญเพื่อการขายผงซักฟอก ตู้เย็น สบู่ และเครื่องล้างจาน รวมทั้งรูปแบบสถาปัตยกรรมของ ชาร์ลส์-เอดูอาร์ ฌาแนร์เรต์-กรี ซึ่งรู้จักกันดีกว่าในชื่อเลอ กอร์บูซิเยร์ ผู้สนับสนุนการใช้สีขาวแบบสุดตัวจนแทบเป็นความคลั่งไคล้ ด้านล่างนี้คือวิธีที่เขาสรรเสริญพลังในการยกระดับจริยธรรมของสีอีนาเมลไรโพลิน

“ลองจินตนาการถึงผลลัพธ์ของการมีกฎหมายว่าด้วยไรโพลินดู ถ้าพลเมืองทุกคนถูกกำหนดให้เปลี่ยนผ้าม่าน ผ้าปูโต๊ะ วอลเปเปอร์ และลวดลายต่างๆ เป็นสีขาวไรโพลินทั้งหมด บ้านทั้งหมดก็จะสะอาดเอี่ยม ไม่สกปรก ไม่มีมุมมืดอีกต่อไป…แล้วก็จะเกิดความสะอาดขึ้นภายใน เกิดการรับเอาแนวทางซึ่งจะไม่ยอมให้อะไรก็ตามที่ไม่ถูกต้อง ไม่เป็นทางการ ไม่ได้ตั้งใจ หรือไม่เป็นไปตามความต้องการมาคิดใคร่ครวญอีกต่อไป ตอนที่คุณถูกล้อมรอบด้วยเงาทะมึดและมุมมืด คุณจะอยู่บ้านได้ก็เพียงแค่ริมขอบของความมืดซึ่งสายตาคุณไม่สามารถแทกรผ่านเข้าไปได้ คุณไม่ได้เป็นนายในบ้านของตัวเอง แต่เมื่อใดก็ตามที่คุณทาผนังสีไรโพลินคุณจะเป็นนายในบ้านตัวเองได้โดยสมบูรณ์”

แนวคิดของเลอ กอร์บูซิเยร์ ว่าด้วยคุณค่าเชิงจริยธรรมของความสะอาดถูกนำมาประยุกต์ใช้ในทศวรรษที่ 18 โดยจอห์น เวสลีย์ ผู้ก่อนตั้งลัทธิเมโธดิสต์เขากล่าวอ้างไว้ในการให้โอวาทเมื่อปี 1778 ว่า “ความสกปรกไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดกับศาสนา ความสะอาดแท้จริงแล้วคือสิ่งที่ใกล้เคียงกับความเป็นพระเจ้ามากที่สุด” อีก 100 ปีต่อมา ราวปี 1870 พรอคเตอร์แอนด์แกมเบิลหยิบยืมความเชื่อดังกล่าวมาใช้เล็กน้อยในการเปิดตัวสบู่แท่งของบริษัท สีของสบู่ดังกล่าวซึ่งโดยทางการแล้วคือสีขาวงาช้าง ช่วยให้เกิดความแตกต่างจากสบู่สีน้ำตาล สีเขียว และสีเทาที่มีจำหน่ายกันอยู่ในเวลานั้นอีกทั้งยังส่อนัยถึงความบริสุทธิ์และสะอาด จนประสบความสำเร็จอย่างใหญ่หลวงในเวลาต่อมา

ฉลองพระองค์ของสมเด็จพระราชินีวิกตอเรียเป็นชุดที่ได้รับความนิยมอย่างสูง จนถือกันว่าเป็นจุดเริ่มต้นของประเพณีทางตะวันตกที่เจ้าสาวจะสวมชุดขาวในพิธีแต่งงาน พระราชินีวิกตอเรียทรงเสกสมรสกับเจ้าชายอัลเบิร์ต เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ ปี 1840 ซึ่งจริงๆ แล้วชุดของพระองค์ไม่ใช่สีขาวบริสุทธิ์ หากแต่เป็นสีงาช้าง อย่างไรก็ตาม ฉลองพระองค์ชุดนี้ก็กลายเป็นกระแสดังกล่าวขึ้น ตอนสิ้นทศวรรษ 1840 นิตยสารสำหรับผู้หญิงคือผู้เขียนประวัติศาสตร์ขึ้นใหม่ด้วยการประกาศว่า สีขาวซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความบริสุทธิ์และไร้เดียงสาคือสีที่เหมาะสมที่สุดสำหรับเจ้าสาว

สีขาวกลายเป็นสีมาตรฐานสำหรับสถาปัตยกรรมยุคใหม่ไปตั้งแต่เมื่อไร บางคนระบุว่ากระแสเรื่องนี้เริ่มต้นขึ้นจากอาคาร 21 หลังของการเคหะไวส์เซนฮอฟ ในเมืองชตุทท์การ์ท ซึ่งสร้างขึ้นเมื่อปี 1927 สำหรับจัดแสดงนิทรรศการดอยต์เชอร์แวร์กบุนด์ กลุ่มอาคารเหล่านั้นเป็นผลงานของสถาปนิกผู้บุกเบิกสิ่งใหม่ๆ รวม 17 คนอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของมีส ฟาน แด โรห์ ผู้ซึ่งได้รับรางวัลเลอกอร์บูซิเยร์ ในฐานะผู้รับผิดชอบไซต์งานก่อสร้างอันโดดเด่น 2 แห่ง ด้วยกัน คำว่า “ไวส์เซน” ในภาษาเยอรมันหมายถึง “ทำให้เป็นสีขาว” โดยที่ด้านนอกของอาคารเหล่านั้นเกือบทั้งหมดเป็นสีขาว

ตั้งแต่แรกเริ่มเรื่อยมาจนกระทั่งถึงตอนปลายศตวรรษที่ 19 บรรดาแพทย์มักใส่เครื่องแต่งกายสีดำ ในการพบผู้ป่วยที่เข้ารับคำปรึกษาเพื่อสื่อถึงระดับความเป็นทางการที่เหมาะสมสำหรับกระบวนการวินิจฉัยโรค แต่หลายอย่างเปลี่ยนแปลงไป เมื่อโจเซฟ ลิสเตอร์ บุกเบิกการค้นคว้าวิจัยเกี่ยวกับภาวะปลอดเชื้อโรค ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นถึงความสำคัญอันใหญ่หลวงของความสะอาด เสื้อคลุมสีขาวสะอาดปราศจากการปนเปื้อนกลายเป็นสัญลักษณ์ของแบบอย่างที่ถูกสุขอนามัยและช่วยให้บรรดาแพทย์ทั้งหลายมีรัศมีบางอย่างที่นักวิทยาศาสตร์ในห้องทดลองเคยมี การทำงานที่เข้มงวดและแม่นยำของนักวิทยาศาสตร์ เหล่านี้ช่วยขจัดวิธีการรักษาเถื่อนซึ่งสืบทอดกันมาในองค์ความรู้ทางการแพทย์ออกไปเป็นจำนวนมาก เสื้อคลุมยาวสีขาวกลายเป็นเครื่องแบบของอาชีพแพทย์ โดยเฉพาะในโรงพยาบาล

สีขาวกลายเป็นสีที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของแอปเปิลคอมพิวเตอร์ในปี 2001 เมื่อโจนาธาน ไอฟ์ ซึ่งในเวลานั้ยเป็นหัวหน้าทีมออกแบบของบริษัทเสนอให้ใช้สีขาวกับไอพอดและผลิตภัณฑ์ต่อๆ มาของบริษัท บริษัทแอปเปิลมีส่วนสำคัญในการทำให้สีขาวกลายเป็นสีที่ยอดเยี่ยมที่สุดในช่วงต้นศตวรรษที่ 21 อย่างที่ผู้จัดการด้านการออกแบบของบริษัทฟอร์ดกล่าว กับนิตยสาร Consumer Reports ในปี 2014 ไว้ว่า “คุณอาจคิดว่าขาวเป็นแค่สีที่น่าเบื่อ และเรื่องนี้ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง แต่แอปเปิลช่วยให้กระแสที่ว่านี้กลายเป็นเรื่องล้าหลังไป”

สีขาวทำให้รถยนต์เย็นลงกว่าสีอื่นจากการสะท้อนแสงและความร้อนกลับออกไป ด้วยเทคโนโลยีใหม่ๆ ทำให้ความนิยมในรถยนต์สีขาวเพิ่มมากขึ้น ปัจจัยทางด้านเศรษฐกิจก็เข้ามามีส่วนช่วยเช่นกัน ภาวะวิกฤตหนี้ เมื่อปี 2008 และสถานการณ์ขาลงทางการเงินที่เกิดขึ้นตามมาส่งผลให้ผู้ซื้อรถหันไปชื่นชอบสีที่เป็นแนวอนุรักษ์กันมากขึ้น โดยกลุ่มสีในแถบสีเทา (สีขาว สีดำ สีเทา สีเงิน) ได้รับความนิยมเป็นพิเศษ นอกจากนั้น สีขาวมักเป็นสีที่มีต้นทุนในการผลิตต่ำที่สุด ดังนั้นรถสีนี้จึงราคาต่ำกว่าตามไปด้วย ในปี 2019 เกือบ 40 เปอร์เซ็นต์ของรถยนต์ที่ถูกขายออกไปทั่วโลกเป็นรถสีขาว

ทำเนียบขาวถูกทำให้เป็นสีขาวก็เพื่อปกปิดร่องรอยการเผาไหม้ที่หลงเหลืออยู่หลังจากถูกกองทัพอังกฤษบุกเผาในปี 1814 แต่จริงๆ แล้วรัฐบาลอเมริกันทาผนังที่ทำจากหินทรายสีเทาของทำเนียบด้วยปูนขาว ทั้งหมดมาตั้งแต่ปี 1798 เพื่อกันไม่ให้น้ำซึมเข้าไปภายในแล้วเป็นเหตุให้เกิดการปริร้าวเมื่อน้ำเหล่านั้นแข็งตัวเป็นน้ำแข็งในฤดูหนาว สีขาวตะกั่วถูกนำมาใช้ทาเป็นครั้งแรกในปี 1818 แต่ถึงตอนนั้นสถานที่นี้ก็รู้จักกันในชื่อทำเนียบขาว หรือไวท์เฮาส์อยู่ก่อนแล้ว เพียงแต่ไม่เป็นทางการ จนกระทั่งถึงเดือนตุลาคม 1901 เมื่อธีโอดอร์ รูสเวลต์ เข้ามาพำนัก จึงใช้ชื่อเรียกนี้อย่างเป็นทางการ

นับตั้งแต่ศตวรรษที่ 19 เป็นต้นมา เมื่อเริ่มมีผู้คน (โดยหลักคือผู้ชาย) เข้ามาทำงานในสำนักงานต่างๆ เพิ่มมากขึ้น เสื้อเชิ้ตสีขาวก็กลายเป็นสีที่ถูกกำหนดไว้เป็นหลักในการแต่งกาย เมื่อถึงทศวรรษ 1920 หลักปฏิบัตินี้แพร่หลายมากเสียจนอัพตัน ซินแคลร์ นักเขียนนวนิยายอเมริกัน เรียกขานพนักงานประจำสำนักงานเหล่านี้ว่า “แรงงานคอปกขาว” เพื่อแยกแยะคนเหล่านี้ออกจากผู้ใช้แรงงานทั่วไป ผู้ใช้แรงงานมักสวมเสื้อผ้าสีคล้ำกว่า ชุดของผู้ใช้แรงงานมักเป็นชุดเสื้อกางเกงติดกันที่เรียกว่าบอยเลอร์สีน้ำเงินซึ่งมีปกสีน้ำเงิน เพราะสามารถซ่อนความสกปรกได้ดีกว่า

พระนางเจ้าอลิซาเบธที่ 1 อาจสิ้นพระชนม์ลง เพราะทรงต้องการผิวสีขาว ทำให้ได้รับพิษจากตะกั่ว เพื่อทำให้ผิวกายของพระนางขาวซีดจนเป็นที่เลื่องลือ กล่าวกันว่าบรรดานางสนองพระโอษฐ์ของพระองค์ต้องทาด้วยเครื่องสำอางที่เรียกว่าเวเนเชียน เซรูส (Venetian ceruse) ซึ่งมีส่วนผสมของตะกั่วสีขาว และน้ำส้ม ต่อด้วยการเคลือบใบหน้าด้วยไข่ขาว

พระนางทรงใช้เวลายาวนานและความเพียรพยายามสูงมากเพื่อเสริมความงามในทุกๆ วันตลอดระยะเวลา 40 ปีของการครองราชย์ ซึ่งแทบแน่ใจได้ว่า มีเครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของตะกั่วประกอบอยู่มากพอในกระบวนการเสริมความงามดังกล่าวจนก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพ

สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่


หมายเหตุ : บทความนี้คัดย่อจาก พอล ซิมป์สัน-เขียน, ไพรัตน์ พงศ์พานิชย์-แปล. รหัสนัยแห่งสี, สำนักพิมพ์มติชน, พิมพ์ครั้งแรกกันยายน 2565


เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 28 ตุลาคม 2565