หากสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี ไม่ได้ทรงเป็น “ลูกครึ่งไทย-จีน”?!?

จิตรกรรมพระราชประวัติ “ทรงปราบดาภิเษกขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์” ในศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช วัดสมณโกฎฐาราม จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

พระราชกำเนิดของ สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีที่ทราบกันโดยทั่วไปคือ พระองค์มีพระราชบิดาเป็นชาวจีนที่อพยพมาจากเมืองจีน ส่วนพระราชมารดาเป็นชาวไทย จึงทรงเป็น “ลูกครึ่งไทย-จีน” และทรงเป็นลูกครึ่งที่ยิ่งใหญ่ ด้วยวีรกรรม “กู้ชาติ”

พระบรมรูปสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี ที่ศาลากลางจังหวัดพระนครศรีอยุธยา (หลังเก่า)

หากก่อนหน้านี้ นิตยสาร “ศิลปวัฒนธรรม” ฉบับเดือนกรกฎาคม 2564 เคยเสนอบทความของ สุทธิศักดิ์ ระบอบ สุขสุวานนท์ ที่ชื่อ “ความย้อนแย้งทางประวัติศาสตร์ กรณีพระชาติกำเนิดสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี ในจดหมายเหตุต่างชาติ พระราชพงศาวดาร และเอกสารเชลยศักดิ์ของไทย”

Advertisement

ครั้งนั้น สุทธิศักดิ์ ระบอบ สุขสุวานนท์ ได้เสนอเรื่อง “พระชาติกำเนิด” ที่แตกต่างไปจากที่เรียน ที่รู้กันทั่วไป  เพราะเขาเสนอว่า พระราชมารดาของสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีต่างหากที่ทรงเป็น “ชาวจีน”

โดยอาศัยเอกสารหลักฐานสำคัญที่ยืนยันประเด็นดังกล่าว เช่น ประวัติศาสตร์ไทยสมัยกรุงศรีอยุธยา (History of the Kingdom of Siam and of the Revolution that have caused the Overthrow of the Empire, up to A.D. 1770) ของ ฟรังซัวส์ อังรี ตุรแปง นักเขียนและนักภาษาศาสตร์ชาวฝรั่งเศส ซึ่งเรียบเรียงขึ้นจากบันทึกของพระสังฆราช ปีแยร์ บรีโกต์-มิชชันนารีชาวฝรั่งเศสที่เคยเดินทางเข้ามาพำนักในประเทศสยาม

จดหมายเหตุบันทึกรายวันเกี่ยวกับการเดินทางจากอินเดียและมะละกาใน พ.ศ. 2322 (Journal of A Voyage from India to Siam and Malacca in 1779) ของ ดร. โยฮันน์ แกร์ฮาร์ทเคอนิช  นายแพทย์ นักพฤกษศาสตร์ และนักธรรมชาติวิทยาชาวเยอรมันประจำเจ้าเมืองแห่งอาร์คอท ซึ่งเดินทางเข้ามายังประเทศสยามในช่วงปลายรัชกาลสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี เมื่อ ค.ศ. 1778 (พ.ศ. 2321)

อย่างไรก็ตามการที่เปลี่ยนจากพระราชบิดาทรงเป็น “จีน” มาเป็นพระราชมารดาทรงเป็น “จีน” สถานะของสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีก็ยังทรงคงเป็น “ลูกครึ่ง” เช่นเดิม

ที่ผ่านมาเรื่องพระองค์ทรงมีเชื้อสายจีนจากพระราชบิดา [ที่รับรู้กันโดยทั่วไปในวงกว้าง] หรือจะเป็นพระราชมารดาก็ตามที นี่ก็ยังเป็นประเด็นที่ปรามาสพระองค์กลายๆ เช่นกัน ดังปรากฏใน จดหมายเหตุความทรงจำของพระเจ้าไปยิกาเธอ กรมหลวงนรินทรเทวี  กล่าวถึงเหตุการณ์เมื่อครั้งสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีทรงถูกพระสนมนางห้ามกล่าวปรามาสด้วยถ้อยคำหยาบช้าว่าเป็น “เจ๊ก” ความว่า

“นางห้ามประสูติเจ้า ท่าน [สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี – สุทธิศักดิ์ ระบอบ สุขสุวานนท์] สงสัยว่าเรียกหนเดียว มิใช่ลูกของท่าน รับสั่งให้หาภรรยาขุนนางเข้าไปถาม ได้พยานคน 1 ว่าผัวไปหาหนเดียวมีบุตร จึงถามเจ้าตัวว่าท้องกับใคร ว่าท้องกับเจ๊ก เฆี่ยนสิ้นชีวิตในฝีหวาย แต่เจ๊กนั้นสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงพระอัยกา [พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก – สุทธิศักดิ์ ระบอบ สุขสุวานนท์] เอาไปเลี้ยงไว้”

สุทธิศักดิ์ยังวิเคราะห์ประเด็นนี้เพิ่มเติมว่า “สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีทรงพระพิโรธที่ถูกพระสนมนางห้ามกล่าวปรามาสในเชิงดูหมิ่นเหยียดหยามว่าเป็น ‘เจ๊ก’ นัยหมายถึงชาวจีน หรือชาวไทยเชื้อสายจีน จึงโปรดเกล้าฯ ให้ลงพระราชอาญาโบยตีนางห้ามผู้นั้นจนเป็นเหตุให้สิ้นชีพในฝีหวาย ดังนั้น เรื่องพระองค์ทรงมีเชื้อสายจีนคงเป็นที่รับรู้กันทั่วไปในหมู่ชนชาวไทยและชาวต่างชาติ ซึ่งดูเป็นเรื่องอ่อนไหวมากสำหรับพระองค์อย่างเห็นได้ชัด”

แล้วถ้าสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี มิได้ทรงเป็น “ลูกครึ่ง” ล่ะ?!?

พระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี ณ อนุสรณ์สถานสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช หมู่บ้านอูเอียตี้ ตำบลหัวฟู่ เขตเมืองเฉิงไห่ นครซัวเถา มณฑลกวางตุ้ง ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน

“ศิลปวัฒนธรรม” ฉบับเดือนธันวาคม 2564 สุทธิศักดิ์ ระบอบ สุขสุวานนท์ กลับมาอีกครั้งกับบทความที่ชื่อว่า “ทฤษฎีเผือกร้อนสะเทือนโลกประวัติศาสตร์ กรณีพระชาติกำเนิดสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี ‘ชาวจีนโพ้นทะเล’ ผู้กอบกู้เอกราชชาติไทย”

นี่คงเป็นประเด็นร้อนที่สร้างความคุกรุ่นในใจผู้คนจำนวนหนึ่ง เมื่อ “วีรบุรุษกู้ชาติไทย” กลายเป็น “ชาวต่างชาติ”

ครั้งนี้สุทธิศักดิ์ค้นคว้าเอกสารหลักฐานชั้นต้นและชั้นรองๆ ลงมา ทั้งเป็นของไทยและต่างชาติมากกว่า 40 รายการ ก่อนเรียบเรียงเป็นบทความกว่า 30 หน้า มาดูกันว่าหลักฐานของสุทธิศักดิ์บอกอะไรเราบ้าง

หลักฐานหนึ่ง ที่เขาค้นคว้ามา กล่าวถึงพระประวัติสมเด็จพระพันปีหลวง กรมพระเทพามาตย์ (พระราชมารดาสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี) ว่า

“…เดิมแต่ครั้งกรุงศรีอยุทธยาโบราณ ยังปรกติบริบูรณ์อยู่นั้น พระจ้าวตาก (สิน) เปนบุตร จีนไฮฮองเปนบิดา แลท่านนกเอี้ยงเปนมารดา ท่านนกเอี้ยงพระมารดาพระจ้าวตาก แลเปนชาวบ้านแหลม เมืองเพชรบุรี

จีนไฮฮองเปนพระบิดาพระจ้าวตาก จีนไฮฮองเปนขุนพัฒน์ผูกบ่อนเบี้ยในกรุงเก่า ขุนพัฒน์ไฮฮองมาเช่าโรงน่าบ้านเจ้าพะญาจักรกรีกรุงเก่า ทำโรงบ่อนเบี้ยเล่นการพนัน ครั้งนั้นท่านนกเอี้ยงภรรยาขุนพัฒน์ไฮฮอง คลอดพระจ้าวตากที่น่าบ้านเจ้าพะญาจักรกรีๆ จึ่งขอพระจ้าวตากมาเลี้ยงเปนบุตรบุญธรรม…

……….

อนึ่งเจ๊สัวบุญเกิด (หรือ) คุณตาบุญเกิด เปนพี่ชายร่วมบิดามารดาเดียวกันกับเจ๊สัวบุญชู… เจ๊สัวบุญเกิดและเจ๊สัวบุญชูทั้งสองคนพี่น้องนี้ เปนบุตรภรรยาหลวงแห่งท่านเจ๊สัวหลิน…เจ๊สัวหลินผู้นี้บ้านเดิมอยู่บ้านแหลม แขวงเมืองเพชรบุรี…เปนแซ่เดียวกันกับกรมสมเด็จพระเทพามาตย์ (นกเอี้ยง) เปนชาวบ้านแหลม แขวงเมืองเพชรบุรี เหมือนกัน

กรมสมเด็จพระเทพามาตย์ (นกเอี้ยง) นี้ เปนสมเด็จพระบรมราชชนนีนารถ ในพระจ้าวตาก (สิน) พระจ้าวแผ่นดินสยาม กรุงธนบุรีศรีอยุทธยา เพราะเหตุฉะนี้พระจ้าวตากจึ่งมีความเมตตาแก่เจ๊สัวหลินมาก จึ่งทรงพระมหากรุณาโปรฎเกล้าฯ…”

หลักฐานหนึ่ง ที่เป็นคำให้การของพ่อค้าชาวจีนผู้มีถิ่นพำนักอยู่ที่เมืองปาเล็มบังบนเกาะสุมาตรา และเคยเดินทางเข้ามาค้าขายอยู่ที่เมืองบางกอก ในระหว่างเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2310-เดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2311 ให้ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี เมื่อครั้งยังเป็นเจ้าชุมนุมธนบุรีว่า

พระองค์แซ่แต้ และทรงเป็น “ชาวจีนเปอรานากัน” (Peranakan Chinese) คำว่า “เปอรานากัน” เป็นคำในภาษามลายู ใช้สำหรับเรียก “สายเลือดลูกผสม” ที่ถือกำเนิดในดินแดนคาบสมุทรมลายู-อินโดนีเซีย แต่อีกนัยหนึ่งอาจหมายถึง “ชาวจีนโพ้นทะเล” ที่อพยพเข้ามาตั้งรกรากอยู่ในภูมิภาคแห่งนี้ด้วยเช่นกัน

หลักฐานหนึ่ง นายทหารจีนซึ่งเดินทางเข้ามาสืบข่าวสถานการณ์หลังเสียกรุงศรีอยุธยาใน พ.ศ. 2310 รายงานเรื่องเกี่ยวกับสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีกลับไปยังราชสำนักจีนว่า พระองค์ทรงมีพื้นเพเป็นชาวจีน เดินทางระหกระเหินไปอยู่ดินแดนโพ้นทะเล และได้ถวายตัวเข้ารับราชการรับใช้พระเจ้ากรุงสยาม

หลักฐาน 2-3 รายการที่ยกมานี้ เป็นเพียงรายการเรียกน้ำย่อย ส่วนที่เหลือที่สุทธิศักดิ์กล่าวว่าจะเป็นเผือกร้อนนั้น ขอท่านผู้อ่านโปรดติดตามอ่านใน “ศิลปวัฒนธรรม” ฉบับเดือนธันวาคมนี้ ว่าเขามีหลักฐานใหม่อะไรที่ยืนยันว่า พระราชบิดา พระราชมารดา และสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี เป็น “คนจีน”!?!


เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 9 ธันวาคม 2564