ผู้เขียน | กองบรรณาธิการศิลปวัฒนธรรม |
---|---|
เผยแพร่ |
การนวด-ยืดเส้น เป็นการรักษาทางการแพทย์โบราณของไทยมาแต่อดีต ซึ่งทั้ง ลา ลูแบร์ ราชทูตฝรั่งเศสที่เข้ามายังกรุงศรีอยุธยาสมัยสมเด็จพระนารายณ์ และบาทหลวง ปาลเลกัวซ์ ที่เข้ามายังกรุงเทพฯ ในสมัยรัชกาลที่ 3 ต่างก็กล่าวถึงการนวด-ยืดเส้นของไทยในสมัยอดีตไว้ทำนองเดียวกัน
ลา ลูแบร์ กล่าวว่า “ในกรุงสยามนั้นถ้าใครป่วยไข้ลง ก็จะเริ่มทำให้เส้นสายยืดโดยให้ผู้มีความชำนาญในทางนี้ขึ้นไปบนร่างกายของคนไข้ แล้วใช้เท้าเหยียบ ๆ
กล่าวกันว่า หญิงมีครรภ์ก็มักใช้ให้เด็กเหยียบเพื่อให้คลอดบุตรง่าย ด้วยว่าในเมืองร้อนนั้น หญิงมักจะคลอดบุตรง่ายโดยธรรมชาติสร้างสรรค์ให้เหมาะกับลมฟ้าอากาศ แต่ก็ปรากฏว่าเจ็บปวดรวดร้าวอยู่มากเหมือนกัน ลางที่อาจเป็นเพราะมีอาการเตรียมขับถ่ายก่อนคลอดน้อยนักนั่นเอง“
บาทหลวง ปาลเลกัวซ์ กล่าวว่า “ระบบการรักษาคนไข้นั้นต่างกว่าที่กระทำกันในยุโรป เขาให้คนไข้ได้กินข้าวต้มน้ำใส ๆ กับปลาแห้งสักหน่อยเดียวเท่านั้น เขาให้คนไข้อาบน้ำหรือลูบตัววันละ 3-4 หน ผู้พยาบาลอมน้ำยาผสมรากไม้พ่นไปบนตัวคนไข้อย่างแรงเป็นฟูฝอย พ่นอยู่ดังนี้ตั้งเสี้ยวชั่วโมง
ข้อจำเป็นอีกอย่างหนึ่งก็คือ การนวด ผู้ชำนาญการนวดจะบีบเฟ้นร่างกายทุกส่วนของคนไข้โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่แขน หน้าท้อง และต้นขา บางทีหมอก็จะขึ้นไปเหยียบอยู่บนเข่าของคนไข้ แล้วก็ไปตามร่างกายอ้างว่าเพื่อให้เส้นสายกลับคืนเข้าที่”
การนวด-ยืดเส้น เป็นหนึ่งในศาสตร์ทางการแพทย์โบราณของไทยที่ตกทอดกันมาหลายรุ่น และมีความสำคัญอย่างยิ่ง จนรัชกาลที่ 3 โปรดเกล้าฯ ให้รวบรวมศาสตร์ด้านการแพทย์หลากหลายแขนง เขียนภาพและปั้นรูปฤษีดัดตน และจารึกวิชานวด หรือหัตถศาสตร์ ซึ่งแสดงให้เห็นจุดสำคัญในร่างกายมนุษย์สำหรับใช้นวดไว้อย่างละเอียด
นี่จึงแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการนวด-ยืดเส้นของไทยที่สืบทอดมาแต่โบราณ
อ่านเพิ่มเติม :
- กวาดยา การรักษาแบบกลางบ้าน กับการเจ็บป่วยสำหรับเด็กเล็ก
- ประวัติศาสตร์การใช้ “น้ำมันหอมระเหย” เครื่องมือช่วยผ่อนคลาย
เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 18 สิงหาคม 2564