ผู้เขียน | กำพล จำปาพันธ์ |
---|---|
เผยแพร่ |
จากอยุธยาถึงธนบุรี: ศักราช วันเดือนปี และลำดับเหตุการณ์สำคัญในพระราชประวัติสมเด็จพระเจ้าตากสินฯ จากวันเสาร์ที่ 3 มกราคม พ.ศ.2309 ถึงวันศุกร์ที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ.2310 (วัดพิชัย/อยุธยา – จันทบุรี – ค่ายโพธิ์สามต้น – สถาปนากรุงธนบุรี)
วันเสาร์ ขึ้น 4 ค่ำ เดือนยี่ จุลศักราช 1128 ปีจออัฐศก (ตรงกับวันเสาร์ที่ 3 มกราคม พ.ศ.2309)
– ออกจากวัดพิชัย อยุธยา ฝ่าวงล้อมพม่าเลียบคลองข้าวเม่าไปทางหัวเมืองตะวันออก
– จำนวนไพร่พลเมื่อแรกออกจากวัดพิชัยนั้นไม่เป็นที่แน่ชัด (จดหมายเหตุความทรงจำของกรมหลวงนรินทรเทวีระบุว่ามีราว 500 คน ขณะที่พระราชพงศาวดารระบุว่ามีราว 1,000 คน)
วันอาทิตย์ ขึ้น 5 ค่ำ เดือนยี่ จุลศักราช 1128 ปีจออัฐศก (ตรงกับวันอาทิตย์ที่ 4 มกราคม พ.ศ.2309)
– ถึงตำบลบ้านข้าวเม่า ตกดึกทอดพระเนตรเห็นเพลิงลุกโชติช่วงจนท้องฟ้าแดงฉานที่ในพระนคร (มีตำนานท้องถิ่นว่า ชาวบ้านสามัญชนในละแวกย่านนำเอาข้าวเม่าและลูกธนูมามอบให้)
– เช้าตรู่, ถึงวัดสามบัณฑิต พบพระภิกษุมอญ 3 รูปกำลังเดินออกบิณฑบาต
– สาย, รบพม่าที่บ้านโพสาวหาญ (มีตำนานนางโพกับพรรคพวกชาวบ้านยกมาช่วยรบพม่าจนสิ้นชีพในที่รบ)
– บ่าย, รบพม่าที่คลองชนะ (มีตำนานขุนชนะ นายทหารที่ติดตามออกจากกรุงศรีอยุธยามาสิ้นชีพในที่รบ)
วันจันทร์ ขึ้น 6 ค่ำ เดือนยี่ จุลศักราช 1128 ปีจออัฐศก (ตรงกับวันจันทร์ที่ 5 มกราคม พ.ศ.2309)
– เช้า, เสด็จถึงบ้านพรานนก พักทัพ เที่ยวลาดหาอาหาร พบทัพพม่าที่มาจากปากน้ำโยทกา จึงให้ดักซุ่มโจมตีด้วยอาวุธปืนไฟ ทัพพม่าแตกพ่ายไป (มีตำนานนายพรานชื่อนก บ้างว่าเป็นพรานล่านก มาช่วยหาอาหาร นำอาหารมาให้ และช่วยซุ่มโจมตีพม่า)
– บ่าย, พบขุนชำนาญไพรสณฑ์ นายกองช้าง ที่ได้รับมอบหมายให้นำช้างจากเขตแขวงนครนายกไปยังกรุงศรีอยุธยาเพื่อใช้ในการศึกกับพม่า แต่ได้มอบช้างดังกล่าวให้แก่พระยาตากและอาสานำทางไปจนถึงบ้านดง
วันพุธ ขึ้น 8 ค่ำ เดือนยี่ จุลศักราช 1128 ปีจออัฐศก (ตรงกับวันพุธที่ 7 มกราคม พ.ศ.2309)
– ขุนหมื่นทนายบ้านดงไม่ยอมอ่อนน้อม แถมยังรวบรวมชาวบ้านดงจะยกมาโจมตี ตัดสินพระทัยทำศึกปราบขุนหมื่นทนายชาวบ้านดง มีชัยชนะ ได้ช้างม้า ผู้คน อาวุธปืน และเสบียงอาหารเป็นอันมาก นับเป็นชุมชนแรกที่ไม่ใช่พม่าที่พระยาตากต้องนำกำลังเข้าตีในหัวเมืองตามเส้นทางเดินทัพ
– เสด็จต่อมาประทับแรมที่ตำบลหนองไม้ซุง
วันศุกร์ ขึ้น 10 ค่ำ เดือนยี่ จุลศักราช 1128 ปีจออัฐศก (ตรงกับวันศุกร์ที่ 9 มกราคม พ.ศ.2309)
– เสด็จถึงบ้านนาเริ่ง แขวงนครนายก
วันเสาร์ ขึ้น 11 ค่ำ เดือนยี่ จุลศักราช 1128 ปีจออัฐศก (ตรงกับวันเสาร์ที่ 10 มกราคม พ.ศ.2309)
– เสด็จถึงเมืองบางคาง (ปราจีนบุรี) แวะหยุดพักทัพ ณ วัดบางคาง ได้รับการต้อนรับจากชาวเมืองเป็นอย่างดี
– ราวบ่ายคล้อย, เสด็จข้ามแม่น้ำปราจีนบุรีที่บริเวณด่านกบแจะ (บริเวณวัดกระแจะ ต.ท่างาม อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี)
– เสด็จไปตามชายดงศรีมหาโพธิ์ ระหว่างนี้ประทับแรมที่ไหนบ้างไม่เป็นที่แน่ชัด เนื่องจากขอบเขตของ “ดงศรีมหาโพธิ์” ครอบคลุมพื้นที่กว้างมาก แต่พิจารณาจากชุมชนโบราณในเส้นทางเดินทัพมีอยู่หลายแห่ง อาทิ บ้านคู้ลำพัน (ในอ.ศรีมโหสถ จ.ปราจีนบุรี), บริเวณโบราณสถานลายพระหัตถ์-เทวสถานพานทอง (ในอ.ศรีมหาโพธิ์ จ.ปราจีนบุรี), วัดต้นโพธิ์ (ในอ.ศรีมโหสถ จ.ปราจีนบุรี), สระมรกต (ในอ.ศรีมโหสถ จ.ปราจีนบุรี), โคกหัวข้าว (ในอ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา), บ่อนางสิบสอง (ในอ.ราชสาส์น จ.ฉะเชิงเทรา), วัดท่าลาดเหนือ-วัดท่าลาดใต้ (ในอ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา) เป็นต้น
วันจันทร์ ขึ้น 13 ค่ำ เดือนยี่ จุลศักราช 1128 ปีจออัฐศก (ตรงกับวันจันทร์ที่ 12 มกราคม พ.ศ.2309)
– หยุดประทับหุงหาอาหาร ณ สำนักหนองน้ำ เพื่อรอพระเชียงเงิน ขุนพิพิธวาที และนักองค์ราม เป็นเวลา 3 วัน
– เช้าวันที่ 14 มกราคม พ.ศ.2309 เมื่อทั้งสามมาถึง พระยาตากสังเกตเห็นว่า พระเชียงเงินมีกิริยาไม่เป็นใจด้วยการศึก จึงสั่งให้โบย 30 ที และจะประหารชีวิต แต่เหล่านายทัพนายกองทูลขอชีวิตไว้
– บ่ายวันที่ 14 มกราคม พ.ศ.2309 กองหน้าพบทัพพม่ากำลังยกออกจากปากน้ำเจ้าโล้ (บริเวณจุดบรรจบระหว่างแม่น้ำบางปะกงกับคลองท่าลาด) จึงให้วางปืนซุ่มยิงโจมตี ทัพพม่าแตกพ่ายไป
– วันที่ 15 มกราคม พ.ศ.2309 ถึงวันที่ 18 มกราคม พ.ศ.2309 เสด็จผ่านบ้านทองหลาง ด่านเงิน แปลงยาว วัดโบสถ์ ตะพานทอง บางปลาสร้อย บางพระ และบางละมุง ตามลำดับ (บริเวณอ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี มีตำนานนายพรานชื่อ “ทอง” หรือ “พรานทอง”)
วันจันทร์ แรม 5 ค่ำ เดือนยี่ จุลศักราช 1128 ปีจออัฐศก (ตรงกับวันจันทร์ที่ 19 มกราคม พ.ศ.2309)
-เสด็จถึงบ้านนาเกลือ นายกล่ำผู้นำชาวบ้านนาเกลือแรกจะนำพรรคพวกเข้าตีทัพ แต่เมื่อพบว่าทัพพระยาตากมีกำลังพรั่งพร้อมด้วยช้างม้า ผู้คน และอาวุธ นายกล่ำก็ยอมสวามิภักดิ์ ให้การต้อนรับ เสด็จพักแรมเป็นเวลา 1 คืน
วันพุธ แรม 7 ค่ำ เดือนยี่ จุลศักราช 1128 ปีจออัฐศก (ตรงกับวันอังคารที่ 21 มกราคม พ.ศ.2309)
– เสด็จถึงบ้านนาจอมเทียน ประทับแรม 1 คืน (ตำนานพระนางจอมเทียนก่อแก้วพิกุลที่วัดนาจอมเทียน)
วันพฤหัสบดี แรม 8 ค่ำ เดือนยี่ จุลศักราช 1128 ปีจออัฐศก (ตรงกับวันที่ 22 มกราคม พ.ศ.2309)
– เสด็จถึงทุ่งไก่เตี้ย ประทับแรมเป็นเวลา 2 คืน (ทำการเกลี้ยกล่อมกลุ่มโจรสลัดและนักเลงท้องถิ่น)
วันเสาร์ แรม 10 ค่ำ เดือนยี่ จุลศักราช 1128 ปีจออัฐศก (ตรงกับวันเสาร์ที่ 24 มกราคม พ.ศ.2309)
– เสด็จออกจากชายทะเลทุ่งไก่เตี้ยมุ่งไปยังเมืองระยอง (ผ่านบริเวณแสมสาร ห้วยโป่ง มาบตาพุด บ้านฉาง)
วันอาทิตย์ แรม 11 ค่ำ เดือนยี่ จุลศักราช 1128 ปีจออัฐศก (ตรงกับวันอาทิตย์ที่ 25 มกราคม พ.ศ.2309)
– เสด็จถึงบ้านหินโข่ง (บางแห่งว่า “หินโด่ง” หรือ “หินโคร่ง”)
วันจันทร์ แรม 12 ค่ำ เดือนยี่ จุลศักราช 1128 ปีจออัฐศก (ตรงกับวันจันทร์ที่ 26 มกราคม พ.ศ.2309)
– เสด็จถึงบ้านน้ำเก่า (บริเวณวัดน้ำคอก-วัดบ้านเก่า อ.บ้านค่าย จ.ระยอง)
– เส้นทางในเครือข่ายตำนาน อาทิ เมืองพญาเร่ เขาชะอาง ละหารไร่ บ้านไข้ (บ้านค่าย) เป็นต้น
วันอังคาร แรม 13 ค่ำ เดือนยี่ จุลศักราช 1128 ปีจออัฐศก (ตรงกับวันอังคารที่ 27 มกราคม พ.ศ.2309)
– เสด็จถึงเมืองระยองที่ท่าประดู่ แล้วไปประทับ ณ วัดลุ่ม (วัดลุ่มมหาชัยชุมพล) ตั้งค่ายรายบริเวณวัดลุ่ม-วัดเนิน พระระยองและชาวเมืองระยองให้การต้อนรับ นำอาหารและข้าวสาร 1 เกวียนมามอบให้
วันพฤหัสบดี แรม 15 ค่ำ เดือนยี่ จุลศักราช 1128 ปีจออัฐศก (ตรงกับวันพฤหัสบดีที่ 29 มกราคม พ.ศ.2309)
– ทรงทราบข่าวว่าขุนจ่าเมืองด้วงกับพรรคพวกรวบรวมกำลังคนจะยกมาปล้นค่าย
– ทรงเรียกพระระยองมาไต่สวนแล้วให้คุมตัวไว้ ตรัสสั่งให้เตรียมการรับศึก
– เวลาค่ำประมาณ 1 ทุ่มเศษ ขุนจ่าเมืองด้วงกับพรรคพวกกรมการเมืองระยอง ยกกำลังมา ฝ่ายขุนจ่าเมืองด้วงถูกยิงบาดเจ็บล้มตาย ขณะกำลังข้ามสะพานหน้าวัดเนิน แตกพ่ายไป
– เข้ายึดเมืองระยอง ประกาศเจตนารมณ์กอบกู้บ้านเมือง ตั้งเป็นศูนย์กลางรวบรวมทรัพยากร
วันศุกร์ ขึ้น 8 ค่ำ เดือนสาม จุลศักราช 1128 ปีจออัฐศก (ตรงกับวันศุกร์ที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2309)
– ทรงจัดส่งคนญวนชื่อ “นายเผือก” กับเขมรชื่อ “นักมา” พร้อมข้าหลวงอีก 3 คน เป็นตัวแทนไปเจรจาเกลี้ยกล่อมพระยาจันทบุรี โดยแล่นเรือสำเภาใช้ใบออกจากปากน้ำระยองไป
วันอังคาร ขึ้น 12 ค่ำ เดือนสาม จุลศักราช 1128 ปีจออัฐศก (ตรงกับวันอังคารที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2309)
– นายเผือกญวนกับนักมาเขมรแล่นเรือถึงปากน้ำจันทบุรี ใช้เวลา 5 วัน (จำนวนเวลานี้อาจดูนานเกินจริง เมื่อพิจารณาระยะทางเดินเรือจากระยองถึงแหลมสิงห์ จันทบุรี แต่ช่วงนั้นเป็นฤดูมรสุม อาจเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ไปถึงจันทบุรีได้ล่าช้ากว่าปกติ)
วันพุธ ขึ้น 13 ค่ำ เดือนสาม จุลศักราช 1128 ปีจออัฐศก (ตรงกับวันพุธที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2309)
– นักมาเขมร นายเผือกญวน และข้าหลวง เข้าพบพระยาจันทบุรี การเจรจาประสบผลสำเร็จ พระยาจันทบุรีตอบตกลงจะให้ความร่วมมือในการรบกับพม่ากอบกู้กรุงศรีอยุธยา เมื่อคณะข้าหลวงจะกลับมาระยอง พระยาจันทบุรีได้ให้คนนำข้าวสารอาหารแห้งบรรทุกใส่ลำเรือมาถวายเป็นจำนวนกว่า 4 เกวียน
วันศุกร์ ขึ้น 15 ค่ำ เดือนสาม จุลศักราช 1128 ปีจออัฐศก (ตรงกับวันศุกร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2309)
– คณะข้าหลวงเดินเรือจากจันทบุรีกลับมาถึงปากน้ำระยอง
วันอังคาร แรม 11 ค่ำ เดือนสาม จุลศักราช 1128 ปีจออัฐศก (ตรงกับวันอังคารที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2309)
– หลวงบางละมุง ผู้รั้งเมืองบางละมุง และนายบุญเมือง มหาดเล็ก พร้อมกับไพร่ 20 คน ถือหนังสือของสุกี้พระนายกองแห่งค่ายโพธิ์สามต้น จะไปส่งให้กับพระยาจันทบุรี หนังสือนั้นมีความว่า ให้พระยาจันทบุรีส่งเครื่องราชบรรณาการต้นไม้เงินทองไปยังค่ายโพธิ์สามต้น ระหว่างทางกำลังผ่านเขตแขวงเมืองระยอง หลวงบางละมุงกับพรรคพวกถูกฝ่ายพระเจ้าตากจับกุมตัวได้ ขุนนางกราบทูลให้ประหารชีวิต แต่ทรงรู้จักกับหลวงบางละมุงผู้นี้มาแต่กาลก่อนและยังรู้ว่าหลวงบางละมุงมีความสนิทชิดเชื้อกับพระยาจันทบุรี จึงให้ปล่อยเดินทางต่อไปยังจันทบุรีเพื่อแจ้งข้อราชการของพระองค์ต่อพระยาจันทบุรีแทน (คาดว่าเป็นเรื่องที่ทรงจะให้เรือของพระยาราชาเศรษฐี (มักเทียนตู) จากเมืองพุทไธมาศ (ฮาเตียน) ได้แล่นผ่านมายังระยอง โดยไม่ถูกกีดขวางจากพระยาจันทบุรี)
วันเสาร์ ขึ้น 1 ค่ำ เดือนสี่ จุลศักราช 1128 ปีจออัฐศก (ตรงกับวันเสาร์ที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2309)
– ทำหนังสือถึงพระยาราชาเศรษฐี (มักเทียนตู) เจ้าเมืองพุทไธมาศ (ฮาเตียน) แจ้งข่าวสารและขอความช่วยเหลือในการทำศึกกับพม่า โดยมอบให้พระพิชัย นายบุญมี พร้อมข้าหลวงเป็นตัวแทนไปเจรจากับพระยาราชาเศรษฐี (เนื่องจากมักเทียนตูเคยส่งข้าวเสบียงมาให้แก่พระเจ้าเอกทัศน์ แต่แล่นเรือผ่านเมืองบางกอกขึ้นไปไม่ได้ เพราะพม่าเข้ายึดไว้แล้ว จึงล่าถอยกลับไป)
วันเสาร์ แรม 14 ค่ำ เดือนสี่ จุลศักราช 1128 ปีจออัฐศก (ตรงกับวันเสาร์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ.2309)
– พระพิชัยกับนายบุญมีพร้อมข้าหลวงกลับจากเมืองพุทไธมาศ แจ้งว่าพระยาราชาเศรษฐีติดขัดด้วยลมมรสุม ไม่เป็นเวลาเหมาะจะให้ออกเรือมา เมื่อหมดฤดูแล้วจะยกมาช่วยในราวเดือน 8 ถึงเดือน 10 ของปีถัดไป (กรกฎาคม-กันยายน พ.ศ.2310)
วันอังคาร ขึ้น 9 ค่ำ เดือนห้า จุลศักราช 1129 ปีกุนนพศก (ตรงกับวันอังคารที่ 7 เมษายน พ.ศ.2310)
– เสียกรุงศรีอยุธยาแก่พม่า
– เกิดก๊กอิสระต่างๆ ไม่ขึ้นแก่กัน คือ ก๊กสุกี้พระนายกอง, ก๊กเจ้าพระพิษณุโลก, ก๊กเจ้าพระฝาง, ก๊กเจ้านครศรีธรรมราช, ก๊กเจ้าพิมาย, ก๊กพระยาจันทบุรี และเจ้าตากที่ตั้งอยู่ระยองเวลานั้นก็ถือเป็นอีก “ก๊ก” หนึ่งด้วย นอกจากนี้ในหัวเมืองชายทะเลตะวันออกยังมีนายทองอยู่นกเล็กที่ชลบุรีกับขุนรามหมื่นซ่องที่ปากน้ำประแส ต่างก็ตั้งตนเป็นใหญ่ขึ้นด้วยเช่นกัน
วันจันทร์ แรม 14 ค่ำ เดือนห้า จุลศักราช 1129 ปีกุนนพศก (ตรงกับวันจันทร์ที่ 27 เมษายน พ.ศ.2310)
– เรียกประชุมปรึกษาเหล่าบรรดานายทัพนายกอง ทรงดำริจะปราบปรามกลุ่มโจรสลัดที่ตั้งตัวเป็นใหญ่อันมีผู้นำคือ “นายทองอยู่นกเล็ก” กับ “ขุนรามหมื่นซ่อง”
วันพฤหัสบดี ขึ้น 3 ค่ำ เดือนหก จุลศักราช 1129 ปีกุนนพศก (ตรงกับวันพฤหัสบดีที่ 30 เมษายน พ.ศ.2310)
– เสด็จยกทัพถึงบ้านหนองมน อยู่ในเส้นทางก่อนข้ามเขาสามมุขและอ่างศิลามาบางปลาสร้อยในเวลาเพียง 1 วัน
วันศุกร์ ขึ้น 4 ค่ำ เดือนหก จุลศักราช 1129 ปีกุนนพศก (ตรงกับวันศุกร์ที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ.2310)
– ยกทัพถึงชายทะเลบางปลาสร้อย ตั้งทัพหลวงอยู่ที่หน้าวัดหลวง (วัดใหญ่อินทาราม) รายถึงตำหนักเก๋งจีน (ศาลเจ้าเกียนอันเก๋ง) ส่งนายชื่นชาวบ้านค่ายกับนายบุญรอดแขนอ่อน ซึ่งรู้จักกับนายทองอยู่นกเล็กออกไปเจรจาเกลี้ยกล่อม
– ก่อนหน้านั้นเล็กน้อยเมื่อนายทองอยู่นกเล็กทราบว่าพระยาตากยกมา ได้พาพรรคพวกหลบไปตั้งอยู่ที่เขาบางทราย แต่การเจรจาเกลี้ยกล่อมโดยนายชื่นกับนายบุญรอดแขนอ่อนประสบความสำเร็จ นายทองอยู่นกเล็กยอมอ่อนน้อมแต่โดยดี จึงมิได้มีการสู้รบกัน
– ทรงแต่งตั้งนายทองอยู่นกเล็กเป็น “พระยาอนุราชบุรีศรีมหาสมุทร” เจ้าเมืองชลบุรี
วันศุกร์ ขึ้น 11 ค่ำ เดือนหก จุลศักราช 1129 ปีกุนนพศก (ตรงกับวันศุกร์ที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ.2310)
– เสด็จกลับจากชลบุรีถึงระยอง
วันเสาร์ ขึ้น 12 ค่ำ เดือนหก จุลศักราช 1129 ปีกุนนพศก (ตรงกับวันเสาร์ที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ.2310)
– ยกออกจากเมืองระยองจะไปปราบขุนรามหมื่นซ่องและพรรคพวก โดยเกลี้ยกล่อมผู้คนตามรายทาง อาทิ บ้านเก่า บ้านค่าย บ้านนาตาขวัญ บ้านแลง เขาประดู่ บ้านทะเลน้อย เป็นต้น
วันพฤหัสบดี แรม 2 ค่ำ เดือนหก จุลศักราช 1129 ปีกุนนพศก (ตรงกับวันพฤหัสบดีที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ.2310)
– ถึงเมืองแกลง ตั้งทัพพักแรมอยู่ที่วัดราชบัลลังก์
– ตั้งค่ายมั่นและเปิดฉากรบขั้นแตกหักกับขุนรามหมื่นซ่อง สูญเสียทหารไทยจีนกว่า 400 คน ฝ่ายพระเจ้าตากได้รับชัยชนะ ขุนรามหมื่นซ่องหนีไปเข้ากับพระยาจันทบุรี
– พระยาจันทบุรีเมื่อได้ขุนรามหมื่นซ่องมาเข้าพวก ก็แปรพักตร์หันมาเป็นปฏิปักษ์ต่อพระเจ้าตาก คิดอ่านตั้งตนเป็นใหญ่แต่ลำพังไม่สนใจจะร่วมกอบกู้ราชอาณาจักร
วันจันทร์ แรม 6 ค่ำ เดือนหก จุลศักราช 1129 ปีกุนนพศก (ตรงกับวันจันทร์ที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ.2310)
– เสด็จออกจากปากน้ำประแสมุ่งตรงไปยังจันทบุรี ผ่านบ้านตะเคียนทอง พังราด กองดิน สนามชัย ใช้เวลา 5 วันถึงตำบลบางกะจะหัวแหวน ตั้งทัพพักพลอยู่ที่วัดพลับบางกะจะ
วันเสาร์ ขึ้น 3 ค่ำ เดือนเจ็ด จุลศักราช 1129 ปีกุนนพศก (ตรงกับวันเสาร์ที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ.2310)
– เสด็จถึงเมืองจันทบุรี ตั้งค่ายที่วัดแก้วริมเมือง(บริเวณเยื้องจุดบรรจบกันระหว่างคลองท่าช้างกับคลองท่าสิงห์ ห่างแนวกำแพงเมืองไม่น้อยกว่า 2 กม.)
– ระหว่างเดินทัพจากบางกะจะหัวแหวนมาเมืองจันทบุรี พระยาจันทบุรีแสร้งทำกลอุบายว่าเปลี่ยนใจยอมอ่อนน้อมพร้อมกับส่งข้าหลวงมานำทางเพื่อหวังให้เสด็จไปทางทิศใต้ของเมือง พระยาจันทบุรีกับพวกจะลอบโจมตีระหว่างข้ามแม่น้ำ แต่ทรงล่วงรู้กลอุบายจึงสั่งให้กองหน้าไม่ไปตามทางที่ข้าหลวงบอก ให้เดินตัดตรงไปทางทิศเหนือของเมืองบริเวณตรงข้ามประตูท่าช้าง
วันอาทิตย์ ขึ้น 4 ค่ำ เดือนเจ็ด จุลศักราช 1129 ปีกุนนพศก (ตรงกับวันอาทิตย์ที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ.2310)
– เวลากลางวัน พระยาจันทบุรีแสร้งทำกลอุบายให้พระสงฆ์มาทูลเชิญเสด็จเข้าเมือง เพื่อจะจับกุม แต่ก็ทรงล่วงรู้แผนการนี้อีก จึงบ่ายเบี่ยงว่าธรรมดาผู้น้อยควรจะมาคำนับผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่จะไปคำนับผู้น้อยนั้นไม่บังควร
วันจันทร์ ขึ้น 5 ค่ำ เดือนเจ็ด จุลศักราช 1129 ปีกุนนพศก (ตรงกับวันจันทร์ที่ 1 มิถุนายน พ.ศ.2310)
– กลางดึกเพลายาม 3 (ราวเที่ยงคืนถึงตีสาม) ยกทัพเข้าตีเมืองจันทบุรี ได้รับชัยชนะ พระยาจันทบุรีกับครอบครัวลงเรือหลบหนีไปเมืองพุทไธมาศ ส่วนขุนรามหมื่นซ่องเป็นบุคคลสาบสูญ ไม่มีหลักฐานกล่าวถึงอีกเลย
– พระราชพงศาวดารระบุว่า หัวค่ำก่อนยกเข้าตีเมืองเมื่อไพร่พลรับประทานอาหารเสร็จแล้ว รับสั่งให้สาดเทอาหารที่เหลือทิ้งและทุบต่อยทำลายหม้อข้าวหม้อแกงเสีย ให้ไปกินข้าวเช้าเอาที่ในเมืองจันทบุรี ถ้าไม่ได้ก็ขอให้ตายด้วยกันเสียเถิด
วันจันทร์ ขึ้น 12 ค่ำ เดือนเจ็ด จุลศักราช 1129 ปีกุนนพศก (ตรงกับวันจันทร์ที่ 8 มิถุนายน พ.ศ.2310)
– เสด็จยกทัพถึงทุ่งใหญ่ แบ่งทัพเป็น 2 กอง กองหนึ่งไปทางทะเล อีกกองเป็นกองทัพหลวงยกไปทางสถลมารค ผ่านวัดทองทั่ว เขาสละบาปวัดตะปอนน้อย วัดตะปอนใหญ่ วัดท่าเกวียน เขาสมิง วัดบุปผาราม วัดโยธานิมิต คลองใหญ่ บ้านด่านท่าเรือ เข้าตีกองสำเภาจีนที่อยู่ภายใต้การนำของจีนเจียมที่ทุ่งใหญ่ (บริเวณช่วงคลองน้ำเชี่ยว-แหลมงอบ-เกาะช้าง) จีนเจียมยอมแพ้และยกธิดาให้เป็นชายา ได้เรือสำเภาจากทุ่งใหญ่กว่า 50 ลำ
วันเสาร์ แรม 2 ค่ำ เดือนเจ็ด จุลศักราช 1129 ปีกุนนพศก (ตรงกับวันเสาร์ที่ 13 มิถุนายน พ.ศ.2310)
– เสด็จกลับเมืองจันทบุรี
– ต่อเรือและซ่อมดัดแปลงเรืออยู่ที่อู่ต่อเรือบ้านเสม็ดงามได้เรือรบกว่า 100 ลำ
วันพุธ แรม 15 ค่ำ เดือนสิบ จุลศักราช 1129 ปีกุนนพศก (ตรงกับวันพุธที่ 23 กันยายน พ.ศ.2310)
– จัดการปกครองเมืองจันทบุรี ตั้งพระยาพิพิธ (จันเหลียน) เป็นเจ้าเมือง แบ่งกำลังไว้ดูแลจันทบุรีไว้ส่วนหนึ่ง
– เสด็จยกทัพทางเรือ เรือ 100 ลำ ไพร่พลราว 5,000 เศษ ออกจากจันทบุรีมุ่งสู่งกรุงศรีอยุธยา
ไม่ระบุวันเดือนปี แต่คาดว่าเป็นเหตุการณ์ระหว่างวันที่ 25 กันยายน พ.ศ.2310 ถึง วันที่ 19 ตุลาคม พ.ศ.2310
– เมื่อขบวนเรือแล่นถึงบริเวณอ่าวบางปลาสร้อย (คาดว่าทอดสมออยู่เกาะสีชัง) ทรงให้เรียกตัวนายทองอยู่นกเล็กซึ่งตั้งให้เป็นเจ้าเมืองชลบุรี พร้อมหลวงพล ขุนอินเชียง และพรรคพวกกรมการเมืองชลบุรีอีกจำนวนหนึ่ง เข้าเฝ้าเพื่อไต่สวนว่ายังประพฤติเป็นโจรสลัดเที่ยวปล้นตีชิงสำเภาลูกค้าวาณิชย์อยู่ดังแต่ก่อนหรือไม่ และได้มีพฤติการณ์กีดขวางกักตัวไม่ให้ผู้คนที่จะเดินทางไปหาพระองค์ที่จันทบุรีหรือไม่
– ผลการพิจารณาไต่สวนได้ความเป็นสัตย์จริงแล้ว ก็ให้ประหารชีวิตนายทองอยู่นกเล็ก พร้อมหลวงพล ขุนอินเชียง ด้วยวิธีจับถ่วงน้ำทะเล (พระราชพงศาวดารฉบับหมอบรัดเลระบุว่า เหตุที่ทรงให้ประหารด้วยวิธีนี้เป็นเพราะนายทองอยู่นกเล็กกับพวกมีวิชาอาคมอยู่ยงคงกระพันฟันแทงไม่เข้า)
– จากนั้นทรงแต่งตั้งบุตรชายคนโตของปลัดยกกระบัตรเมืองจันทบุรี (แขก) ซึ่งมีความชอบในคราวตีเมืองจันทบุรีเป็น “พระยาชลบุราณุรักษ์” (หวัง) เจ้าเมืองชลบุรี แทนนายทองอยู่นกเล็กที่ถูกประหารชีวิตไปนั้น
วันพฤหัสบดี แรม 14 ค่ำ เดือนสิบเอ็ด จุลศักราช 1129 ปีกุนนพศก (ตรงกับวันพฤหัสบดีที่ 22 ตุลาคม พ.ศ.2310)
– รุ่งเช้า, กองเรือเจ้าตากเข้าสู่ปากน้ำเจ้าพระยา
– ราว 3 ทุ่มเศษ เสด็จถึงเมืองบางกอก (ธนบุรี) เข้าตีนายทองอิน ผู้ซึ่งพม่าตั้งไว้รักษาเมือง นายทองอินหลบหนีขึ้นไปหานายทองสุก (สุกี้พระนายกอง) ณ ค่ายโพธิ์สามต้น
วันเสาร์ ขึ้น 2 ค่ำ เดือนสิบสอง จุลศักราช 1129 ปีกุนนพศก (ตรงกับวันที่ 24 ตุลาคม พ.ศ.2310)
– กองเรือเจ้าตากถึงเกาะเมืองอยุธยา ประทับพักทัพค้างแรม 1 คืน (ไม่เป็นที่แน่ชัดว่าประทับที่ใด คาดว่าน่าจะเป็นที่ตำบลหัวรอ)
รุ่งเช้าของวันที่ 25 ตุลาคม พ.ศ.2310 ถึงค่ำวันที่ 27 ตุลาคม พ.ศ.2310
– ยกทัพเข้าตีค่ายโพธิ์สามต้น โดยแบ่งกำลังออกเป็น 2 กอง กองหนึ่งไปตีมองญ่าที่ค่ายโพธิ์สามต้นฝั่งตะวันออก (บริเวณวัดหงษ์) อีกกองยกไปตีค่ายพระนายกอง ซึ่งเป็นค่ายโพธิ์สามต้นฝั่งตะวันตก (ของแม่น้ำโพธิ์สามต้น) ค่ายฝั่งตะวันออกนี้เป็นค่ายใหญ่ตั้งรายริมแม่น้ำโพธิ์สามต้นตั้งแต่วัดโพธิ์ (ร้าง) ถึงวัดกำแพง (ร้าง) ตรงบริเวณกึ่งกลางซึ่งเป็นศูนย์บัญชาการและที่อยู่ของสุกี้พระนายกองมีการสร้างเป็นค่ายทำด้วยไม้สูงใหญ่และแข็งแรง
– ใช้เวลาตีกว่า 3 วัน ตีค่ายมองญ่า (ค่ายโพธิ์สามต้นฝั่งตะวันออก) วันหนึ่ง อีกวันถัดมายกไปล้อมค่ายสุกี้ (ศูนย์บัญชาการกลางของค่ายโพธิ์สามต้น) แต่บุกเข้าค่ายไม่ได้ แม้ทัพที่ไปตีค่ายมองญ่ายกมารวมแล้วก็ตาม จึงให้ล้อมไว้และรับสั่งให้ทำบันไดสำหรับปีนค่าย อีกวันต่อมาในขณะที่กำลังปีนเข้าค่ายจวนจะสำเร็จอยู่นั้น สุกี้ก็ยอมแพ้โดยให้เจ้าพระยาชำนาญบริรักษ์ผู้ว่าที่ออกญาพระคลังซึ่งรู้จักกับพระเจ้าตากมาแต่กาลก่อน เป็นผู้มาเจรจา (ความตอนนี้พระราชพงศาวดารกล่าวขัดแย้งกัน บางฉบับว่าสุกี้สู้รบจนตัวตายในค่ายโพธิ์สามต้นคราวพระเจ้าตากปีนค่ายนั้น บางฉบับว่าทรงไว้ชีวิตสุกี้ภายหลังหลบหนีไปเข้ากับกรมหมื่นเทพพิพิธที่พิมาย)
วันที่ 28 ตุลาคม พ.ศ.2310 ถึง วันที่ 30 ตุลาคม พ.ศ.2310
– ทรงส่งคนไปเจรจาเกลี้ยกล่อมเจ้าเมืองลพบุรี และรับเอาเจ้านายเชื้อพระวงศ์ที่หลบหนีไปลพบุรีลงมาอยุธยา (แต่เสด็จลงไปธนบุรีเสียก่อน เลยให้ตามลงไปธนบุรีแทน)
– ให้ขุดพระศพพระเจ้าเอกทัศน์มาทำพิธีถวายพระเพลิง
– สำรวจสภาพความเสียหายของกรุงศรีอยุธยา
– พระราชพงศาวดารฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม) และฉบับบริติชมิวเซียมกรุงลอนดอน ระบุว่า ขณะนั้นยังทรงประทับอยู่ที่ค่ายโพธิ์สามต้น ขณะที่พระราชพงศาวดารฉบับพระพนรัตน์ ฉบับกรมพระปรมานุชิตชิโนรส ฉบับพระราชหัตถเลขา และฉบับร.ศ.120 ต่างระบุว่า เสด็จมาประทับอยู่ที่พระที่นั่งทรงปืนในพระบรมมหาราชวังอยุธยา และทรงพระสุบินนิมิตว่าอดีตกษัตริย์อยุธยามาไล่ไม่ให้อยู่
วันศุกร์ ขึ้น 15 ค่ำ เดือนสิบสอง จุลศักราช 1129 ปีกุนนพศก (ตรงกับวันศุกร์ที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ.2310)
– เสด็จออกจากค่ายโพธิ์สามต้นลงมาธนบุรี และตั้งกรุงธนบุรีเป็นเมืองหลวงแห่งใหม่ (จากจดหมายเหตุโหร และโคลงยอยศพระเกียรติพระเจ้ากรุงธนบุรี ทรงทำพิธีปราบดาภิเษกเมื่อพ.ศ.2311 และพิธีราชาภิเษกเมื่อ พ.ศ.2314)
สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่
เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 2 กุมภาพันธ์ 2563