ที่มา | ศิลปวัฒนธรรม ฉบับกันยายน 2561 |
---|---|
ผู้เขียน | รศ. นพ. เอกชัย โควาวิสารัช |
เผยแพร่ |
ในปัจจุบันนี้ การผ่าท้องทำคลอด (Caesarean section) เป็นวิธีการคลอดอีกทางหนึ่งที่สูตินรีแพทย์จะให้คุณแม่คลอดเมื่อมีข้อบ่งชี้ทางการแพทย์ เช่น ภาวะรกเกาะต่ำหรือศีรษะทารกไม่ได้สัดส่วนกับเชิงกรานของมารดาเป็นต้น โดยในปัจจุบันนี้การผ่าท้องทำคลอดมีความปลอดภัยสูงมาก แต่ถ้าเป็นเมื่อแรกเริ่มที่มีการผ่าท้องทำคลอด พบว่ามารดาที่ได้รับการผ่าท้องทำคลอดมีอัตราตายสูงมาก
ในการประชุมวิชาการและการประชุมสามัญประจำปีของราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย บางปีมีปาฐกถาเกียรติยศ “หลวงไวทเยศรางกูร” โดยหนังสือประกอบการประชุมของการประชุมวิชาการครั้งที่ 25 และการประชุมสามัญประจำปี พ.ศ. 2553 [1] ได้เขียนประวัติของท่านว่า
“….หลวงไวทเยศรางกูร เป็นสูตินรีแพทย์ที่เรียนจากประเทศอังกฤษตั้งแต่ พ.ศ. 2452 โดยทุนของกระทรวงธรรมการ (กระทรวงศึกษาธิการในปัจจุบัน) และได้เดินทางกลับสู่ประเทศไทยราว พ.ศ. 2462 และรับราชการที่โรงพยาบาลศิริราช ได้ทำคุณประโยชน์แก่วงการแพทย์ไว้หลายอย่างเช่น นำระเบียบการทำงานของพยาบาลจากอังกฤษมาใช้ อาทิเช่น ให้มีเวชปฏิบัติงานของพยาบาลตลอด 24 ชั่วโมง โดยแบ่งเป็นผลัดและท่านได้ทำการผ่าตัดเอาเด็กออกทางหน้าท้องแม่เป็นครั้งแรก…”
ต่อมาราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทยได้จัดทำหนังสือ 40 ปี ราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย เมื่อ พ.ศ. 2554 [2] ที่ราชวิทยาลัยฯ ได้จัดทำขึ้นในวาระครบรอบ 40 ปี ของราชวิทยาลัยฯ โดยนับสืบเนื่องมาจากเมื่อครั้งเป็นสมาคมสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทยตั้งแต่ พ.ศ. 2513 เป็นต้นมา ซึ่งภายในเล่มมีบทความการผ่าตัดคลอดรายแรกในประเทศไทยเรื่อง “คนมีครรภ์ราย 1 ที่ต้องผ่าเอาเด็กออกทางน่าท้อง” ซึ่งเขียนโดย นายพันโท หลวงศักดาพลรักษ์ [3] ซึ่งต่อมาท่านได้รับราชการสนองพระเดชพระคุณเป็นแพทย์หลวงประจำพระองค์ของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าฯ จนได้พระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น พลตรี พระยาดำรงแพทยาคุณ (ชื่น พุทธิแพทย์)
ผมของสรุปย่อๆ เกี่ยวกับบทความนี้เป็นรายงานผู้ป่วยของหญิงค่อมอายุ 32 ปี ที่ได้เข้ามารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ เมื่อวันที่ 14 กันยายน 2460 โดยมีอายุครรภ์ 9 เดือน และเริ่มมีอาการเจ็บครรภ์ หญิงตั้งครรภ์รายนี้มีกระดูกเชิงกรานผิดปกติ เนื่องจากเมื่ออายุ 4 ขวบ ได้ตกบันได หลังกระแทกพื้น มีอาการเจ็บที่หลัง ตั้งแต่นั้นมากระดูกสันหลังก็เลยเป็นวัณโรค
แต่เดิมท่านวางแผนจะใช้หัตถการทำลายเด็กโดยใช้เครื่องมือเจาะสมองเพื่อให้ศีรษะทารกมีขนาดเล็กลงและสามารถคลอดทางช่องคลอดได้ แต่เนื่องจากปากมดลูกไม่เปิดขยายเพียงพอที่จะทำหัตถการทำลายเด็กดังกล่าวได้ จึงผ่าท้องทำคลอดได้ทารก 2.5 กิโลกรัม เมื่อวันที่ 15 กันยายน แต่สุดท้ายทารกมีชีวิตอยู่ได้เพียง 8 วัน ก็เสียชีวิต แต่มารดาปลอดภัยและสามารถกลับบ้านได้ ซึ่งบทความนี้ได้ถูกตีพิมพ์ครั้งแรกในวารสารชื่อจดหมายเหตุทางแพทย์ของแพทยสมาคม เมื่อ พ.ศ. 2461
การที่มีผู้กล่าวว่าทั้งหลวงไวทเยศรางกูรและ นายพันโท หลวงศักดาพลรักษ์ เป็นผู้ผ่าท้องทำคลอดเป็นคนแรกในประเทศไทย ก็ทำให้ผมเกิดความงุนงงเป็นอย่างยิ่งว่า จริงๆ แล้วใครกันแน่ที่เป็นผู้ผ่าท้องทำคลอดเป็นคนแรกในประเทศไทย
ผมจึงขอทำหน้าที่เป็นนักสืบประวัติศาสตร์อีกครั้งหนึ่ง โดยพิจารณาจากทาง นายพันโท หลวงศักดาพลรักษ์ก่อน ก็พบว่า ท่านได้เขียนเอกสารเป็นบทความทางการแพทย์ที่ได้ลงตีพิมพ์ในจดหมายเหตุทางแพทย์ซึ่งเป็นวารสารที่เป็นทางการของแพทยสมาคมแห่งประเทศไทย โดยได้รับการตีพิมพ์เมื่อเดือน สิงหาคม พ.ศ. 2461 [3] ว่า ท่านได้ผ่าท้องทำคลอดเมื่อเวลา 10 นาฬิกาของเช้าวันที่ 15 กันยายน (พ.ศ. 2461 – ผู้เขียน) ซึ่งหลักฐานฉบับนี้มีความเชื่อถือได้สูงมาก เนื่องจากมีการตีพิมพ์เผยแพร่เป็นกิจจะลักษณะต่อประชาชนทั่วไป
นอกจากนี้ก็ยังมีเอกสารสำคัญที่เป็นบทความทางวิชาการอีก 2 ชิ้นซึ่งถูกรวบรวมไว้ในหนังสือ 40 ปี ราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย ที่ยืนยันสนับสนุนการมีอยู่จริงของเอกสารดังกล่าวอีกชั้นหนึ่งด้วย
เอกสารชิ้นแรก : ศ. นพ. ธีระ สุขวัจน์ ได้เขียนเป็นบทความเรื่อง “ประวัติการสูติศาสตร์และนรีเวชวิทยาของเมืองไทย” ในจดหมายเหตุทางแพทย์ฉบับพิเศษ 2518 ของสมาคมสูติ–นรีแพทย์แห่งประเทศไทย [4] ดังนี้
“…ส่วนเรื่องงานทางการรักษาคนไข้ทางโรคเฉพาะสตรีและทางสูติกรรมก็ได้เจริญขึ้นตลอดตั้งแต่เริ่มตั้งโรงพยาบาลของสภากาชาด ผู้ที่มีส่วนร่วมในการสร้างวิวัฒนาการนี้ก็คือพระยาดำรงแพทยคุณ (ครั้งยังเป็น พ.ท.หลวงศักดิ์พลรักษ์) ถ้าว่าตามหลักฐานละก็ต้องเป็นศัลยแพทย์คนแรกที่ตีพิมพ์เรื่องการผ่าหน้าท้องเอาเด็กออกครั้งแรกที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ เมื่อ พ.ศ. 2460…”
เอกสารชิ้นที่ 2 : บทความนี้ ผมได้นำมาจากบทความเรื่อง “ประวัติของการสูตินารีเวชศาสตร์ไทย (บางส่วน)” [5] โดย พล.ท. ผ่อง มีคุณเอี่ยม ที่คัดลอกมาไว้ในหนังสือ 40 ปี ราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย เมื่อ พ.ศ. 2554 [2]
อีกทีหนึ่ง โดยเขียนว่าได้คัดลอกบทความนี้มาจากจุลสารสมาคมสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย ปีที่ 3 เล่มที่ 1 กุมภาพันธ์ 2546 น. 52-54 (น่าจะมีความผิดพลาดเรื่อง พ.ศ. …. เนื่องจากสมาคมสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทยได้เปลี่ยนสถานภาพเป็นวิทยาลัยสังกัดแพทยสภา เมื่อวันที่ 24 กันยายน 2530 และได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เป็นราชวิทยาลัยสูติแพทย์แห่งประเทศไทยอยู่ในพระบรมราชูปถัมภ์ เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2536
ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่มีจุลสารสมาคมสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย เมื่อกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2546 ผมคิดว่าที่ถูกต้องน่าจะเป็น พ.ศ. 2526 – ผู้เขียน) ซึ่งได้จากการบรรยายในการประชุมวิชาการ ครั้งที่ 21 ของสมาคมสูติ–นรีแพทย์แห่งประเทศไทย ณ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ 26 มิถุนายน 2525 มีความตอนหนึ่งว่า
“…ครั้น ณ วันที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2460 จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้รวมโรงเรียนราชแพทยาลัยเข้าในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและโปรดเกล้าฯ ให้พระเจ้าพี่ยาเธอกรมขุนไชยนาทนเรนทร [น่าจะผิดเนื่องจากพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าฯ เป็นพระบรมเชษฐาของกรมขุนไชยนาทนเรนทร เนื่องจากทรงพระราชสมภพ เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2423 แต่กรมขุนไชยนาทนเรนทร ประสูติเมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2428 – ผู้เขียน] ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมมหาวิทยาลัยและในยุคนี้เองเราได้พลตรีพระยาดำรงแพทยาคุณ (ชื่น พุทธิแพทย์) เป็นอาจารย์ผู้หนึ่งในคณะแพทยศาสตร์ซึ่งจะได้ปรากฏในบทความเรื่อง การผ่าตัดเซซาเรียนเซกชั่น [การผ่าท้องทำคลอด – ผู้เขียน] รายแรกของเมืองไทยอันได้นำรีปริ้นจากจดหมายเหตุทางแพทย์ของแพทยสมาคม สมัย พ.ศ. 2461 ซึ่งมีอยู่ในสูจิบัตร การประชุมใหญ่ครั้งนี้แล้ว…”
ส่วนเอกสารหลักฐานที่สนับสนุนว่าคุณหลวงไวทเยศรางกูรเป็นผู้ทำการผ่าท้องทำคลอดเป็นครั้งแรกในประเทศไทยมีเพียงเอกสารประกอบการประชุมของราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย ซึ่งไม่ได้แจ้งเอกสารอ้างอิงไว้ โดยมีข้อความดังนี้
“…ในด้านวิชาการ นายแพทย์ หลวงไวทเยศรางกูร ได้ทำการผ่าตัดเอาเด็กออกทางหน้าท้อง (Caesarean) เป็นครั้งแรกและปลอดภัยทั้งแม่และเด็ก ทำให้ประชาชนหันมานิยมแพทย์แผนปัจจุบันและมารับการคลอดตามแผนปัจจุบันมากขึ้น (สมัยนั้นนิยมให้หมอตำแยทำคลอด)…” [1]
แต่หากพิจารณาตามช่วงเวลาของ การผ่าท้องทำคลอด ที่อ้างถึงนี้ ก็น่าจะหลังจาก พ.ท. หลวงศักดาพลรักษ์ ซึ่งผ่าท้องทำคลอด เมื่อวันที่ 15 กันยายน 2461 เพราะหลวงไวทเยศรางกูรเดินทางกลับจากการศึกษาที่ประเทศอังกฤษมาถึงประเทศไทยราว พ.ศ. 2462 [1]
ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่หลวงไวทเยศรางกูรจะผ่าท้องทำคลอดผู้ตั้งครรภ์รายแรกในประเทศไทยก่อน พ.ท. หลวงศักดาพลรักษ์ ในการเขียนเรื่อง “ใครเป็นผู้ผ่าท้องทำคลอดเป็นคนแรกในประเทศไทย” นี้ โดยส่วนตัวผมมีความเคารพนับถือหลวงไวทเยศรางกูรในฐานะท่านเป็นบูรพาจารย์ทางสูติศาสตร์และนรีเวชวิทยาและไม่มีอคติอะไรต่อท่านแต่ประการใดเลยเพียงแต่ผมต้องการค้นหาความถูกต้องของข้อมูลทางวิชาการเท่านั้น
โดยสรุป จากเอกสารหลักฐานที่มีอยู่ในปัจจุบันนี้เป็นที่น่าเชื่อว่า นายพันโท หลวงศักดาพลรักษ์ (ชื่น พุทธิแพทย์) เป็นแพทย์ผู้ผ่าท้องทำคลอดเป็นคนแรกในประเทศไทย
อ่านเพิ่มเติม :
เอกสารอ้างอิง :
[1] ราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย. หนังสือประกอบการประชุมวิชาการ ครั้งที่ 25 และการประชุมสามัญประจำปี 2553 เนื่องในวาระครบรอบ 40 ปี ราชวิทยาลัยนรีแพทย์แห่งประเทศไทย 2553.
[2] วิทยา ถิฐาพันธ์, สมภพ ลิ้มพงศานุรักษ์, สุวชัย อินทรประเสริฐ, บรรณาธิการ. 40 ปี ราชวิทยาลัย สูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย พ.ศ. 2513-2553. กรุงเทพฯ : พิมพ์ดี, 2554.
[3] ศักดาพลรักษ์, พันโทหลวง. คนมีครรภ์ราย 1 ที่ต้องผ่าเอาเด็กออกทางน่าท้อง จ.พ.ส.ท. เดือนสิงหาคม 2461.
[4] ธีระ สุขวัจน์. ประวัติการสูติศาสตร์และนรีเวชวิทยาของเมืองไทย จ.พ.ส.ท. ฉบับพิเศษ 2518.
[5] ผ่อง มีคุณเอี่ยม. “ประวัติการสูตินารีเวชศาสตร์ไทย (บางส่วน),” ในจุลสารสมาคมสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย ปีที่ 3 เล่มที่ 1 (กุมภาพันธ์ 2526).
เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 18 มิถุนายน 2563