“พระที่นั่งสุทธาสวรรย์” ในพระราชวังสมเด็จพระนารายณ์ที่หายไป?

พระที่นั่งสุทธาสวรรย์

พระที่นั่งสุทธาสวรรย์ เป็นพระที่นั่งสำคัญองค์หนึ่งในพระนารายณ์ราชนิเวศน์เมืองลพบุรี เป็นพระที่นั่งขนาดเล็กที่เป็นที่ประทับส่วนพระองค์ของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช และเสด็จประทับในช่วงปลายรัชกาลจนสิ้นพระชนม์

พระที่นั่งองค์นี้เป็นอาคารทรงตึกแบบยุโรป ฐานด้านหน้าพระที่นั่งมีท่อน้ำดินเผาขนาดเล็กฝังอยู่  สำหรับระบายน้ำที่ขังอยู่ออกจากพื้นที่พระที่นั่ง ทางด้านทิศเหนือของพระที่นั่งมีภูเขาทำเป็นน้ำตกจำลอง ก่อด้วยอิฐฉาบปูนลักษณะเป็นฐานกว้างยอดแหลมสูงลดหลั่นกันลงมา ใต้ฐานยังคงมีท่อประปาดินเผาฝังอยู่ สันนิษฐานว่าคงเป็นท่อส่งน้ำเพื่อทำเป็นน้ำตก ไหลจากยอดมาสู่แอ่งน้ำด้านล่างให้ความร่มรื่น สวยงาม เย็นสบาย

จากบันทึกของ นิโกลาส แชร์แวส ชาวฝรั่งเศสได้บรรยายไว้ว่า “หลังคามุงด้วยกระเบื้องเคลือบสีเหลืองคล้ายทองคำเมื่อยามต้องแสงตะวัน พระที่นั่งองค์นี้มีกำแพงแก้วล้อมรอบ ตรงมุมมีสระน้ำใหญ่ 4 สระ บรรจุน้ำบริสุทธิ์ เป็นที่สรงสนาน ของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ภายใต้กระโจมซึ่งคลุมกั้น สระน้ำทางขวามือตั้งอยู่ใกล้กับภูเขาจำลองซึ่งปกคลุมด้วยต้นไม้เขียวชอุ่มและดอกไม้ซึ่งส่งกลิ่นหอมตลอดเวลา มีน้ำพุใสจ่ายแจกให้แก่ธารน้ำทั้ง 4 ในบริเวณพระที่นั่ง สมเด็จพระนารายณ์มหาราชทรงปลูกพันธ์ไม้ดอกด้วยพระหัตถ์เอง ตรงหน้าพระที่นั่งปลูกต้นส้ม มะนาว และพันธ์ไม้ในประเทศอย่างอื่นมีใบดกหนาทึบแม้ยามแดดร้อนตะวันเที่ยงก็ร่มรื่นอยู่เสมอ”

ปัจจุบันพระที่นั่งสุทธาสวรรย์ยังคงเหลือเพียงประวัติศาสตร์ตัวหนังสือและพื้นที่ฐานพระที่นั่งพอให้ได้ศึกษากันอยู่บ้าง หลายคนคงสงสัยตัวอาคารพระที่นั่งหายไปไหน? มีปรากฏในพระบรมราชาธิบายในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 4 ในประกาศเรื่อง พระราชทานแลกเปลี่ยนวิสุงคามสีมา เมืองลพบุรี (พ.ศ. 2405) ไว้ว่า

“แลพระราชวังนี้ก็ไม่มีพระเจ้าแผ่นดินแต่ก่อนพระองค์ใดพระองค์หนึ่งรื้อแร่งแย่งทำลายล้างลงเลย เป็นแต่ของชำรุดทรุดโทรมหักพังไปเอง บางพวกราษฎรเห็นว่ารกร้างว่างเปล่าอยู่ ก็เข้าไปอาศัยทำสวนน้อยหน่า เมื่อเห็นตึกร้างบางอันกีดขวางที่จะทำสวนอยู่ก็รื้อเสียบ้าง แลพระที่นั่งสุทธาสวรรค์นั้นมีผนังก่อด้วยศิลาแลง เมื่อครั้งแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระราชประสงค์ศิลาแลงมาก่อพระเจดีย์วัดสระเกษ มีพระบรมราชโองการดำรัสให้ข้าราชการไปเที่ยวหาศิลาแลงในเมืองร้างเก่าๆ ครั้งนั้นผู้รับสั่งไปเที่ยวรื้อศิลาแลงที่เป็นผนังตึกแลกำแพงของวัดของบ้านแลสะพานช้างในกรุงเก่าไปทูลเกล้าฯ ถวายเป็นอันมาก ครั้งนั้นจึงมีพวกหนึ่งมารื้อพระที่นั่งสุทธาสวรรค์ขนเอาศิลาแลงไปเสียด้วย การที่พระที่นั่งสุทธาสวรรค์ต้องรื้อดังนี้ก็มีเพียงใน 20 ปีลงมา ก่อนนั้นขึ้นไปไม่มีใครรื้ออะไร”

ว่าไปแล้วส่วนหนึ่งของการหายไปของพระทีนั่งอาจมาจากการพุพังไปบ้างตามกาลเวลา และจากข้อความที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 มีพระบรมราชธิบายไว้นั้นก็อาจเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้พระที่นั่งสุทธาสวรรย์เหลือเพียงฐานดังที่เราได้เห็นๆ กันอยู่ในปัจจุบัน ไม่ว่าโบราณสถานแห่งไหนก็ควรมีประวัติศาสตร์ แม้จะพุพังไปตามกาลเวลาแต่ก็ควรมีร่องรอยคงเดิมที่สุดเพื่อไว้ให้คนรุ่นหลังได้ศึกษาประวัติความเป็นมาและเห็นสภาพที่พุพังเองไม่ใช่เพราะมือมนุษย์แต่เพราะธรรมชาติของมันเอง

ฉะนั้นหากไม่ช่วยกันรักษาก็ “อย่าทำลาย” ด้วยความที่ว่า “รู้เท่าไม่ถึงการณ์กันอีกเลย!”

อ่านเพิ่มเติม :

สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่


ที่มาข้อมูล :

“พระที่นั่งสุทธาสวรรย์”. เว็บไซด์มูลนิธิเพื่อลิง. http://lmf-lopburi.com/index.php/2555-2557/2-uncategorised/69-2015-03-12-10-05-12

เอกสาร “สโมสรศิลปวัฒนธรรมเสวนา 18 กันยายน พุทธศักราช 2557”. ศิลปวัฒนธรรม.


เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2561