แมวลอดห่วงเคยมีในโลกจริงๆ

แมวลอดห่วง (เอนก นาวิกมูล ถ่ายสไลด์ SLA-2372-027)

แมวแต่ก่อนไม่ค่อยแสดงอิทธิฤทธิ์ความสามารถแปลกๆ เหมือนแมวตามคลิปสมัยนี้ แต่เท่าที่ดูคลิปมาหลายปี ยังไม่เคยเห็นแมวกระโดดลอดห่วงสักที

แม้กระนั้นก็ตาม ขอยืนยันว่าแมวลอดห่วงนั้นเคยมีในโลกจริงๆ

เท่าที่ผมเคยประสบพบเห็นด้วยตาว่ามีอยู่ 2 แบบ

แบบที่ 1 เห็นมาตั้งแต่เล็ก คือแมวบนกล่องถ่านวิทยุยี่ห้อ Eveready อันนี้อยู่ข้างจะข้างๆ คูๆ สักหน่อย

ยุค 2490-2500 ตามชนบทบ้านนอกยังไม่ค่อยมีไฟฟ้าใช้สะดวกสบายอย่างสมัยนี้

บ้านผมที่ อ.ระโนด จ.สงขลา 60 ปีก่อนไฟฟ้ายังถือเป็นของใหม่

น้าชวลิต ปริศวงศ์ หนุ่มผู้ทันสมัยเป็นคนตั้งโรงไฟฟ้าแบบเอกชนขึ้นมาก่อนเป็นคนแรกเมื่อ พ.ศ.2495

ต่อภายหลังจึงมีไฟฟ้าของหลวงเข้าไปสวมต่อ (ดูหนังสือพิพิธภัณฑ์ระโนด หน้า 289)

หัวค่ำ เริ่มเดินเครื่อง

ตอนนี้แหละผมเห็นพ่อผมเอากระบะไม้สี่เหลี่ยมขนาดใหญ่เหมือนลังทุบน้ำแข็งไปต่อสายเข้ากับสายไฟ

มาเข้าใจเอาทีหลังว่านั่นคือการชาร์จพลังไฟฟ้าเข้ากระบะถ่านไว้เสียบวิทยุฟังในตอนกลางวันซึ่งจะไม่มีไฟฟ้า

ก็เหมือนอย่างที่แม่ค้าพ่อค้ารถเข็นชาวบ้านในยุคนี้ทำกัน

แต่หากไม่ทันใจหรือไม่ได้ชาร์จไฟไว้ ก็ดูเหมือนจะมีทางช่วย คือใช้ถ่านอีกชนิดหนึ่งเสียบแทน

เป็นถ่านไฟฉายยี่ห้อ Eveready สัญลักษณ์ตราแมว 9 ชีวิต

หน้าตาเป็นกล่องสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีน้ำหนัก

ถ่านแบบนี้เห็นได้จากโฆษณาในหนังสือพิมพ์สยามรัฐรายวัน ฉบับวันอังคารที่ 27 ธันวาคม พ.ศ 2498 

โฆษณาถ่านไฟตราแมวลอดห่วง หนังสือพิมพ์สยามรัฐรายวัน ฉบับวันอังคารที่ 27 ธันวาคม พ.ศ 2498 (ซีดีเอนก0088-044)

ถ้าไม่มีถ่านแบบกล่อง ก็ต้องต่อราง เอาถ่านไฟฉายมาต่อกันเข้าไปหลายๆ ก้อนแทน

ถ่านไฟฉายแต่ก่อนมีไม่กี่ชนิดหรอก ตราเอเวอเรดี้นี่แหละใช้กันมากที่สุด

ชาวบ้านเรียกว่า “ตราแมวลอดห่วง” 

ความจริงมันไม่ได้ลอดห่วง แต่มันกระโดดลอดเลข 9 อารบิก

คนไทยเห็นเป็นลอดห่วง ก็ห่วง เรียกกันอย่างนั้นทั่วบ้านทั่วเมือง ผมเลยถือโอกาส อ้างว่าแมวลอดห่วงเคยมี

ฝรั่งเชื่อว่าแมวมีชีวิตถึง 9 ชีวิต ตกที่สูงลงมาอย่างไร ก็ไม่ตาย น่าอัศจรรย์มหันตแปลก

เลยจับเอามาเป็นตราของเอเวอเรดี้เสียเลย มันโดดเด่นเตะตาดี

น่าแปลกใจ เราตื่นเต้นสนุกสนานกับถ่านไฟฉายตรากบ ตราแพะ

แต่เชื่อไหม ถ่านตราแมวลอดห่วงมันหายไปตั้งแต่เมื่อไรไม่ทราบ ถึงทุกวันนี้ดูเหมือนจะยังไม่เห็นใครหามาโชว์เลย

แบบที่ 2 อันนี้เห็นมากับตาจริงๆ

ผมไปพม่าครั้งที่ 2 เมื่อเดือนธันวาคม พ.ศ.2542 หรือเมื่อ 20 ปีมาแล้ว

บัวทิพย์ ไกด์สาวแสนสวยพานั่งเรือชมทะเลสาบอินเล (ที่คนพายเรือด้วยเท้า) สองวัน ทะเลสาบนี้สวยมากๆ ทำให้ผมประทับใจไม่รู้คลาย

ทะเลสาบอินเล พม่า (เอนก นาวิกมูล ถ่ายสไลด์ SLA-2372-031)

วันศุกร์ที่ 10 บัวทิพย์พาไปดูแมวกระโดดลอดห่วงที่วัดงาเปชวง หรือ Nga Phe Chaung –นี่ผมอ่านออกเสียงมั่วๆ เอานะ

พระหนุ่มรูปหนึ่งเชิญแมวที่นอนเล่นอยู่ 3-4 ตัว มาเข้าแถวแสดงความสามารถให้ดูกันจะๆ

พอออกคำสั่งปุ๊บ มันก็กระโดดปั๊บ

ลอดให้ดูแบบไม่ต้องคะยั้นคะยอ หรือแสดงท่าทีเอียงอายอะไรทั้งสิ้น

โดดก็โดด โดด โดด… ด… อุ๊บ โดดได้จริงๆ !!!!

โดดได้ไม่ว่าแมวขาวหรือแมวดำ (เอนก นาวิกมูล ถ่ายสไลด์ SLA-2372-027)

มันทำให้คนดูตาค้าง นึกไม่ออกว่าพระรูปนั้น สะกดจิตแมว (ซึ่งปกติเราไม่ค่อยเห็นเขาทำตามคำสั่งมนุษย์) ได้อย่างไร

หากจำไม่ผิด ไม่แต่กระโดดลอดห่วงธรรมดา แมวอินเลยังโดดลอดห่วงไฟโชว์ปิดท้ายด้วย

ทุกคนปรบมือ อ้าปากหวอ โดยเฉพาะผมซึ่งเป็นคนชอบเรื่องไร้สาระที่สุด

ผมถามพระหนุ่มว่าสอนแมวอย่างไร พระตอบว่า….ผมประมาทไม่ได้จด จึงลืมหมด

เข้าใจว่าจะมีอาหารล่อเป็นรางวัลทุกครั้งที่โดด

แมวอินเลเก่งจริงๆ นักท่องเที่ยวคณะไหนไปอินเลแล้วต้องไปวัดแมวลอดห่วงทั้งนั้น หนังสือ นิตยสารลงซ้ำๆอยู่เป็นประจำ

แมวดำกำลังกระโดด (เอนก นาวิกมูล ถ่ายสไลด์ 2379-031-ส11ธค2542-1)

ผมประทับใจแมวลอดห่วงจนไม่อาจยับยั้งแรงบันดาลใจที่พลุ่งพล่านขึ้นมาได้

สมัยนั้น ผมมีแมวเลี้ยงในบ้านแล้วน่าจะ 2 ตัว เมื่อกลับถึงบ้านผมก็รีบไปหาห่วงทันที น่าจะดัดแปลงจากสวิงช้อนปลาขนาดใหญ่

ผมวิงวอนให้แมวกระโดดอย่างแมวอินเล 

แต่แมวของผมไม่สนใจและไม่เข้าใจ มันทำให้ผมผิดหวังมาก

เหลือทางเดียวที่จะทำให้ทุกอย่างเป็นจริงได้ก็คือ อุ้มแมวผ่านห่วง แล้วก็เขกหัวมันสองสามที พลางพูดว่า โดด โดด โดด… ด… (สิวะ)

เปล่าๆๆๆๆๆๆๆๆ ทาสแมวทั้งหลายไม่ต้องประณาม ผมไม่ทำแบบนั้นหรอก พูดเล่นน่ะ…..ผมก็คนรักแมวเหมือนกัน

ผมนี่แหละ รำๆ จะลอดห่วงเองเสียแล้ว จะได้หายคลั่ง

กลับไปเยือนวัดแมวลอดห่วงอินเลอีกครั้งเมื่อวันพุธที่ 9 ตุลาคม 2562 คนในวัดบอกว่าทั้งแมวทั้งพระตายหมดแล้วไม่มีเหลือ ณ บัดนี้ไม่มีใครฝึกแมวให้ทำเช่นนั้นได้อีกแล้ว  

ส่วนห่วงที่ผมเคยให้แมวกระโดดตามก็ไม่รู้หายไปไหน สงสัยจะทิ้งไปตั้งแต่ครั้งกระโน้น

 


เผยแพร่ครั้งแรกในระบบออนไลน์ เมื่อ 27 ธันวาคม พ.ศ.2562