“ลูกสวาด–ลูกสวาดสียาตรา” วัตถุอาถรรพ์มหาเสน่ห์ และเรื่องรัก-เรื่องลับหลังชายผ้าเหลือง

ลูกสวาทสียาตรา พระสงฆ์ กับ ลูกสวาท
พระชั้นผู้ใหญ่และเหล่าลูกสวาท (ภาพจากประชุมภาพประวัติศาสตร์แผ่นดินพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว กรมศิลปากร จัดพิมพ์ พ.ศ. 2548)

จาก “ลูกสวาด” วัตถุอาถรรพ์มหาเสน่ห์ ถึง “ลูกสวาท” “ลูกสวาทสียาตรา” เรื่องรัก-เรื่องเล้นลับหลังชายผ้าเหลือง

สวาดต้นคนต้องแล้วร้องอุ๊ย   ด้วยรุกรุยรกเรื้อรังเสือสาง
จนชั้นลูกถูกต้องเป็นกองกลาง   เปรียบเหมือนอย่างลูกสวาดศรียาตรา

ตัวอย่างที่ยกมาข้างต้นนี้เป็นความบางส่วนที่คัดมาจากนิราศพระประธมหนึ่งในผลงานนิราศของสุนทรภู่ความส่วนที่ยกมานี้ เมื่อพิจารณาแล้วจะพบว่ามีการกล่าวถึงลูกสวาดและลูกสวาดสียาตราหรือ ลูกสวาทสียาตราลูกสวาทสียะตราไว้ด้วย

โดยสวาดที่ปรากฏเป็นคำแรกมีความหมายถึงพันธุ์ไม้ชนิดหนึ่ง เมื่อออกผล ผู้คนมักนิยมนำเมล็ดไปทำพิธีจนกลายเป็นวัตถุอาถรรพ์มีฤทธิ์ในด้านเสน่ห์เมตตามหานิยม หรือที่มักเรียกกันว่าลูกสวาด

ส่วนลูกสวาทสียาตรานั้น มิใช่พันธุ์ไม้แต่ประการใด แต่มีความหมายอ้างอิงถึง เด็กผู้ชายที่พระเถระชั้นผู้ใหญ่นิยมอุปการะไว้เพื่อโอ้อวดบารมี ผ่านเครื่องแต่งกาย เครื่องประดับที่ลูกสวาทใส่ ทั้งยังรวมไปถึงการอุปการะไว้เพื่อมีความสัมพันธ์ทางเพศระหว่างพระผู้อุปการะและเด็กชายด้วย

ลูกสวาด (ภาพจากเว็บไซต์ https://www.youtube.com/watch?v=dObwVbDhbRQ)

ลูกสวาด : วัตถุอาถรรพ์มหาเสน่ห์

ลูกสวาด เป็นเมล็ดที่อยู่ภายในผลของต้นสวาด สามารถพบได้ทั่วไปในเขตร้อน ในประเทศไทยมักพบได้ตามป่าละเมาะใกล้ทะเล ผลของต้นสวาดจะมีลักษณะเป็นฝักรูปรี หรือขอบขนานแกมรูปรี มีขนยาวแหลมแข็งคล้ายหนาม ภายในแต่ละฝักจะมีเมล็ดอยู่ 2 เมล็ด เมล็ดมีลักษณะเป็นเมล็ดกลมเปลือกแข็ง เส้นผ่านศูนย์กลาง 1.5-2 เซนติเมตร สีเทาแกมเขียว

คนสมัยโบราณนิยมพกลูกสวาดติดตัวไว้ เพราะเชื่อว่าจะให้ผลด้านเสน่ห์ เมตตามหานิยม มีแต่คนรักใคร่ เนื่องด้วยลูกสวาดนั้นมีชื่อพ้องเสียงกับคำว่าสวาท’ [สะหฺวาด] ที่มีความหมายว่า ความรัก ความพอใจหรือความยินดีในทางกามารมณ์

นอกจากนี้ยังมีบุคคลบางกลุ่มที่เชื่อว่า ลูกสวาดเป็นวัตถุอาถรรพ์มีฤทธิ์ในตัวอยู่แล้ว หากนำไปให้อาจารย์ผู้มีวิชาอาคมปลุกเสกหรือลงอาคม ก็จะยิ่งทำให้ลูกสวาดเหล่านั้นมีฤทธิ์ในทางมหาเสน่ห์มากยิ่งขึ้นแก่ผู้ครอบครอง อีกทั้งในความเชื่อด้านไสยศาสตร์ การทำเสน่ห์บางวิธียังมีการใช้ลูกสวาดเป็นหนึ่งในวัตถุดิบประกอบพิธีกรรมอีกด้วย หากแต่ข้อเท็จจริงของผลลัพธ์ที่ได้นั้น ก็ล้วนขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของแต่ละบุคคล

ลูกสวาทสียาตรา : เรื่องรัก เรื่องลับ หลังชายผ้าเหลือง

ลูกสวาทสียาตราหรือลูกสวาดสียะตรา เป็นคำที่ใช้เรียกเด็กชายที่พระเถระชั้นผู้ใหญ่ หรือพระนอกรีตบางรูปนำมาอุปการะเป็นบุตรบุญธรรม ซึ่งลูกสวาทเหล่านี้จะมีลักษณะต่างจากเด็กวัดทั่วไปคือ จะได้รับการเลี้ยงดูเป็นอย่างดี มีการแต่งตัว ใส่เครื่องประดับให้แก่ลูกสวาท เพื่อโอ้อวดบารมีแข่งขันกันในหมู่พระที่เลี้ยงลูกสวาท

การเลี้ยงดูลูกสวาทนั้น นอกจากจะเป็นไปเพื่อจุดประสงค์ในการโอ้อวดบารมีแล้ว ยังอาจเป็นไปเพื่อตอบสนองความต้องการทางเพศของพระผู้อุปการะได้เช่นกัน ดังที่ปรากฏในสมัยรัชกาลที่ 1 ที่ได้มีการตรากฎพระสงฆ์ 10 ข้อ เพื่อจัดระเบียบพระสงฆ์ ก็ได้มีการกล่าวถึงกรณีการเลี้ยงลูกสวาทในหมู่พระภิกษุสงฆ์ไว้ว่า

“…ลางเหล่าเหนเด็กชายลูกข้าราชการอาณาประชาราษฎรรูปร่างหมดหน้าก็พูดจาเกลี้ยกล่อม ชักชวนไปไว้ แล้วกอดจูบหลับนอนเคล้าคลึง ไปไหนเอาไปด้วย แต่งตัวเด็กโอ่อวดประกวดกันเรียกว่าลูกสวาศ ลูกสุดใจก็มีบ้างที่ช่วงชิงลูกสวาศ เกิดความหึงษาพยาบาทจนเกิดวิวาทตีรันกันตายด้วยไม้กระบองซั่น พิจารณาได้ตัวมารับเปนสัตยได้ไม้กระบองซั่นเปนหลายอัน…” กฎให้ไว้ ณ วันอังคาร เดือนเจ็ด แรมสิบสามค่ำ จุลศักราช 1163 ปีรกา นักษัตรตรีศก

แล้วตัวละครสียะตราในอิเหนาเกี่ยวข้องอย่างไรกับลูกสวาท?

ในส่วนที่มาของชื่อเรียกลูกสวาทสียาตรา” “ลูกสวาดสียะตรานั้น เป็นชื่อที่นำมาจากตัวละครหนึ่งในวรรณคดีเรื่องอิเหนาโดยตัวละครสียะตรา มีบทบาทในเรื่องเป็นพระโอรสอันเกิดแต่ท้าวดาหากับประไหมสุหรี ทั้งยังมีศักดิ์เป็นพระอนุชาของนางบุษบา

ส่วนสาเหตุที่มีการนำชื่อ สียะตรา มาใช้นั้น คาดว่าน่าจะมีที่มาจากพฤติกรรมของอิเหนาที่กระทำต่อสียะตราในเชิงลวนลาม และยังเป็นการลวนลามระหว่างผู้ชายด้วยกันอีกด้วย คือมีการกอด จูบ ลูบ แต่ไม่ถึงขั้นมีเพศสัมพันธ์กัน ดังตัวอย่างที่ยกมานี้

๏ ครั้นพระกุมารหลับสนิท   พระโอบอุ้มจุมพิตขนิษฐา
โลมเล้าลูบไล้ไปมา   สำคัญว่าบุษบานารี
พิศพักตร์พักตร์ผ่องดังเดือนฉาย   พิศทรงทรงคล้ายนางโฉมศรี
พิศปรางเหมือนปรางพระบุตรี   รัศมีสีเนื้อละกลกัน
ทั้งโอษฐ์องค์ขนงเนตรนาสา   ละม้ายแม้นบุษบาทุกสิ่งสรรพ์
พระกอดจูบลูบไล้เกี่ยวพัน   จนบรรทมหลับสนิทไป ฯ

แม้กระทั่งพฤติกรรมการปรนเปรอเอาใจสียะตราของอิเหนาที่มีการหาของเล่นมาให้จำนวนมาก หรือพาไปเที่ยวเล่นชมนกชมไม้ ก็มีความคล้ายคลึงกับพฤติกรรมของพระเถระ ที่เอาใจลูกสวาทโดยการให้เครื่องแต่งตัวเครื่องประดับต่างๆ

๏ ครั้นถึงจึ่งวางเหนือตัก   แสนรักสนิทเสนหา
แล้วบัญชาสั่งเสนา   เร่งจัดเครื่องเล่นมาทุกสิ่งอัน
โล่ดั้งดาบเขนหอกคู่   ง้าวทวนธนูกั้นหยั่น
กริชกระบี่เสน่าเกาทัณฑ์   ให้สมกันกับองค์พระกุมาร

กระทั่งพฤติกรรมหวงสียะตราของอิเหนา เมื่อครั้งที่จรกาอุ้มสียะตรามาชมโฉม อิเหนาเห็นเช่นนั้นจึงบังเกิดความไม่พอใจเป็นอย่างมาก ซึ่งคล้ายกับพฤติกรรมหึงหวงลูกสวาทระหว่างพระสงฆ์ผู้เลี้ยงดูลูกสวาทเหล่านั้นดังนี้

๏ เมื่อนั้น   อิเหนาแค้นขัดสหัสสา
พิศเพ่งเขม็งนัยนา   ให้สบเนตรสียะตราผู้ร่วมใจ ฯ
๏เมื่อนั้น   สียะตรารู้แจ้งอัชฌาสัย
จึงกลับมากอดเชษฐาไว้   เห็นพระเมินพักตร์ไปก็โศกา
แต่แรกเรียกน้องก็ไม่จร   ภูธรขืนขับให้ไปหา
แล้วพระมากริ้วโกรธา   โทษาน้องผิดสิ่งใด ฯ

แม้ว่าพฤติกรรมที่อิเหนากระทำในข้างต้นจะมีเหตุผล เนื่องด้วยเห็นสียะตราเป็นตัวแทนของบุษบาก็จริง แต่การกระทำเหล่านั้นอย่างไรเสียก็เป็นการกระทำที่เกิดขึ้นกับสียะตรา ไม่ใช่นางบุษบา อีกทั้งการกระทำเหล่านั้นยังมีความคล้ายคลึงสอดคล้องกับพฤติกรรมของพระเถระที่กระทำกับ ลูกสวาท จึงเป็นเหตุให้ลูกสวาทเหล่านั้นมีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่าลูกสวาทสียะตรา

อ่านเพิ่มเติม :

สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่


อ้างอิง :

วัดโมลีโลกยาราม ราชวรวิหาร.  2555.  กฎหมายพระสงฆ์ สมัยรัชกาลที่ . [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จากhttp://www.watmoli.com/vittaya-1-section1/regulation-1.html [สืบค้นเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2561].

ศูนย์สยามทรรศน์ศึกษา คณะศิลปะศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ร่วมกับ กองวิเทศสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยมหิดล. 2560. สาธุสะพระประธมบรมธาตุ จงทรงศาสนาอยู่ไม่รู้สูญ ตามรอยนิราศพระประธมของสุนทรภู่กรุงเทพฯ : บริษัท ทริปเพิ้ล กรุ๊ป จำกัด.


เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 11 มิถุนายน 2562