เผยแพร่ |
---|
“พช.” ปลื้มยอดขายโอทอปศิลปาชีพ 63 ฝ่าวิกฤติโควิด กวาดรายได้วันแรกทะลุ 42 ล้าน พร้อมงัดกลยุทธ์เข้มดันมาตรการช้อปปลอดภัย New Normal มั่นใจช้อปปลอดภัยแน่นอน
นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน เปิดเผยว่า แม้ขณะนี้ประชาชนจะตกอยู่ในภาวะวิกฤติโควิด-19 แต่ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อยอดจำหน่ายแต่อย่างใด โดยยอดจำหน่ายวันแรกในวันที่ 8 สิงหาคม 63 ที่ผ่านมา มียอดจำหน่ายรวม 42,426,100 บาท แยกเป็น ผลิตภัณฑ์ OTOP 35,830,247 บาท ผลิตภัณฑ์ชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี 4,596,431 บาท ผลิตภัณฑ์จากมูลนิธิศิลปาชีพฯ 1,748,544 บาท ผลิตภัณฑ์จากมูลนิธิสายใจไทย 24,752 บาท ผลิตภัณฑ์บริษัทประชารัฐรักสามัคคีฯ 121,396 บาท ผลิตภัณฑ์สมาคมคนพิการฯ 104,730 บาท
โดยยอดจำหน่ายสูงสุด 5 ลำดับ ได้แก่
1.ร้านลำพูนไยซิลด์ ผ้าไหมยกดอก จ.ลำพูน 1,540,000 บาท
2.ร้านมณีแดงทับทิมไทย จ.จันทบุรี 1,140,000 บาท
3.นายอุทัย เจียรศิริ ขายขันน้ำมนต์ถมทอง จ.นนทบุรี 617,500 บาท
4. นางชอุ่ม ติยะโส ผ้าไหมแพรวา จ.กาฬสินธุ์ 360,000 บาท
และ 5.ร้านทองนันทนา จ.สุโขทัย 359,000 บาท
อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน กล่าวด้วยว่า พช.ตระหนักถึงความปลอดภัยสูงสุดของผู้เข้าชมงาน “ศิลปาชีพประทีปไทย OTOP ก้าวไกลด้วยพระบารมี” ปี 2563 จึงได้จัดเตรียมมาตรการสุขอนามัยที่ครอบคลุมและสอดคล้องกับพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนไป เพื่อให้ทุกพื้นที่ของการจัดงานสะอาด ปลอดภัย และอุ่นใจได้ ด้วยมาตรการด้านสุขอนามัยขั้นสูงสุด
ทั้งนี้ ก่อนเริ่มงาน กรมการพัฒนาชุมชน ได้ร่วมมือกับทางอิมแพ็ค เมืองทองธานี ถึงแนวทางดำเนินงานการจัดแสดงงานในรูปแบบ New Normal โดยได้เตรียมพร้อมด้านสุขอนามัย ด้วยการนำเครื่องฉายแสงยูวีฆ่าเชื้อแบบเคลื่อนที่ Germ Saber UVC Sterilizer มาใช้ทำความสะอาดฆ่าเชื้อภายในพื้นที่จัดแสดงทั้งก่อนวันจัดงาน รวมไปถึงช่วงระยะเวลาหลังจากปิดการเข้าชมในแต่ละวัน มีขั้นตอนคัดกรอง ตามข้อกำหนดของภาครัฐ ได้แก่ การตั้งจุดสแกนแอปพลิเคชั่นไทยชนะ และยังได้เสริมความมั่นใจให้ผู้เข้าชมงาน โดยมีรายละเอียด ดังนี้
1.งานอาคารสถานที่ มีการติดตั้งหลอดไฟฆ่าเชื้อ UVC ในระบบปรับอากาศในพื้นที่การจัดงานทั้งหมด จัดอุปกรณ์ UV Robot ฆ่าเชื้อในบริเวณพื้นที่จัดงาน หลังจบงานในแต่ละวันทุกวัน / ทำความสะอาดบริเวณพื้นผิวสัมผัสทุก 1 ชั่วโมง เช่น ลิฟท์โดยสาร ราวจับบันไดเลื่อน มือจับประตู /ทำความสะอาดสุขภัณฑ์ในห้องน้ำทุก ๆ ชั่วโมง / จัดวางเจลแอลกอฮอล์ บริเวณพื้นที่ส่วนกลางด้านหน้าการจัดงาน อย่างเพียงพอ / ให้ผู้เข้างานสวมหน้ากากอนามัยทุกคน และมีจุดจำหน่ายหน้ากากอนามัยบริการ
2.มีจุดคัดกรอง 2 ชั้น ได้แก่ จุดทางอาคารชาเลนเจอร์ และจุดทางเข้างาน โดยมีการตรวจวัดอุณหภูมิ ผู้เข้างานด้วยเครื่องเทอโมสแกน และปืนเทอโมสแกน / ติดตั้งพรมดักฝุ่น และพรมฆ่าเชื้อบริเวณจุดคัดกรองคนเข้างานทุกจุด / มีจุดบริการเจลแอลกอฮอลล์ บริเวณทางเข้าและภายในงาน / ผู้เข้าชมงานที่ไม่สวมหน้ากากอนามัยไม่อนุญาตให้เข้าพื้นที่จัดงาน
3.บริเวณพื้นที่ภายในงาน (โซนอาหาร) ให้เจ้าหน้าที่และผู้ประกอบการ สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา / ติดตั้งแผงฉากกั้น ระหว่างบุคคล โต๊ะ อาหาร / ทำความสะอาดโต๊ะอาหารทุกครั้ง หลังจากมีผู้ใช้บริการด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ / ตั้งเก้าอี้แบบเว้นระยะห่าง / มีจุดเจลแอลกอฮอล์ ทั่วบริเวณงาน / กำหนดจุดยืนของผู้ซื้อพร้อมสัญลักษณ์ระยะห่าง การต่อคิวบริเวณด้านหน้าบูธขายอาหาร
4. โซนกิจกรรมเวทีกลาง จัดเก้าอี้แบบเว้นระยะห่าง / ในช่วงการจัดมินิคอนเสิร์ต มีการกั้นพื้นที่ กำหนดทางเข้า-ออก เพื่อควบคุม จำนวนคนที่มาชมกิจกรรม /จัดเจ้าหน้าที่ตรวจการณ์และประชาสัมพันธ์
5. พื้นที่การจัดงานทั่วไป จัดโซนเก้าอี้พักคอยแบบเว้นระยะห่าง และมีการทำความสะอาดทุก 1 ชั่วโมง/ จำกัดคนเข้างานรอบละไม่เกิน 10,000 คน / จัดแอลกอฮอล์ในพื้นที่ กระจายทั่วการจัดงาน /มีการเว้นระยะห่างทุกกิจกรรมภายในงานมีกิจกรรมภายในงาน /งดกิจกรรมส่งเสริมการขายที่ก่อให้เกิดการรวมกลุ่ม / จำกัดจำนวนคนและจัดคิวคนใช้บริการห้องน้ำ / มีการประชาสัมพันธ์มาตรการป้องกัน covid ด้วยเสียงตามสาย เป็นระยะตลอดการจัดงาน
“อยากขอความร่วมมือจากประชาชนที่เข้าชมงาน ปฏิบัติตามข้อกำหนดต่างๆ เกี่ยวกับทางด้านสุขอนามัยอย่างเคร่งครัด และขอให้ทุกท่านเชื่อมั่นออกมาจับจ่ายใช้สอย เพื่อช่วยกันทำให้ภาคธุรกิจขับเคลื่อนต่อไปได้ ซึ่งจะส่งผลดีต่อภาพรวมของเศรษฐกิจในประเทศ และยังแสดงให้เห็นว่า ประเทศไทยของเรามีความพร้อมรับมือกับสถานการณ์การแพร่ระบาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ” นายสุทธิพงษ์ กล่าว