อาการบ้านหมุน เวียนหัว คลื่นไส้ เกิดจากอะไร? สัญญาณเตือนสุขภาพที่ไม่ควรมองข้าม

อาการบ้านหมุน

อาการบ้านหมุน เวียนหัว คลื่นไส้ เกิดจากอะไร? สัญญาณเตือนสุขภาพที่ไม่ควรมองข้าม

เคยไหมที่อยู่ดีๆ ก็รู้สึกเหมือนโลกหมุน หรือรู้สึกโคลงเคลงเหมือนยืนอยู่บนเรือ? อาการ เวียนหัว บ้านหมุน หรือคลื่นไส้ เป็นสิ่งที่หลายคนเคยประสบ แม้ดูเหมือนจะไม่รุนแรง นั่งพักสักครู่อาการก็หายไป แต่ในบางกรณีก็อาจเป็นสัญญาณเตือนถึงปัญหาสุขภาพที่ซ่อนอยู่ บทความนี้จะพาเรามาทำความเข้าใจถึงสาเหตุของอาการเหล่านี้ พร้อมแนวทางการดูแลตัวเองเบื้องต้น เมื่อเกิดอาการเหล่านี้ขึ้นมาจะได้ไม่ตื่นตระหนก และรักษาสุขภาพตนเองได้อย่างตรงจุดมากขึ้น

สาเหตุของอาการเวียนหัว บ้านหมุน และคลื่นไส้

อาการเวียนหัวและคลื่นไส้สามารถเกิดได้จากหลากหลายปัจจัย ซึ่งบางครั้งก็เกี่ยวข้องกับอวัยวะภายในโดยตรง โดยเฉพาะระบบประสาทและการทรงตัว เช่น

1. ระบบหูชั้นในผิดปกติ (Vestibular System)

หูชั้นในเป็นศูนย์ควบคุมการทรงตัว หากเกิดการอักเสบหรือมีการสะสมของของเหลวผิดปกติ อาจทำให้เกิดอาการ บ้านหมุน หรือรู้สึกเหมือนโลกหมุนรอบตัวเอง

2. ความดันโลหิตต่ำหรือการเปลี่ยนท่าเร็วเกินไป

ความดันต่ำเฉียบพลันจากการเปลี่ยนท่า (Orthostatic Hypotension) คือการลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็วอาจทำให้เกิดอาการเวียนหัวหรือหน้ามืด เนื่องจากเลือดไหลไปเลี้ยงสมองไม่ทัน

3. น้ำตาลในเลือดต่ำ (Hypoglycemia)

หากไม่ได้รับประทานอาหารเป็นเวลานาน หรือมีภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ อาจทำให้รู้สึกเวียนหัว อ่อนแรง และคลื่นไส้ได้ โดยเฉพาะผู้ที่เป็นเบาหวานหรือควบคุมน้ำหนักด้วยการอดอาหาร

4. ความเครียด วิตกกังวล และปัญหาทางจิตใจ

หลายคนไม่รู้ว่า ความเครียดเรื้อรัง สามารถกระทบกับระบบประสาทอัตโนมัติ ทำให้รู้สึกวิงเวียน คลื่นไส้ เหมือนจะเป็นลมได้

5. ผลข้างเคียงจากยา หรือสารเคมี

ยาแก้ปวด ยานอนหลับ ยาลดความดัน หรือแม้แต่ยารักษาไมเกรนบางชนิด อาจมีผลข้างเคียงทำให้เวียนหัวและคลื่นไส้ โดยเฉพาะเมื่อเริ่มใช้ใหม่ๆ

เวียนหัวทั่วไป vs บ้านหมุน ต่างกันอย่างไร?

อาการเวียนหัวทั่วไปมักเป็นความรู้สึกโคลงเคลง มึนศีรษะ หรือคล้ายจะล้ม โดยไม่ได้รู้สึกว่าโลกหมุน ในขณะที่อาการบ้านหมุน จะให้ความรู้สึกเหมือนตัวเองหรือสิ่งรอบข้างหมุนจริงๆ ซึ่งมักเกี่ยวข้องกับความผิดปกติของหูชั้นใน การสังเกตและแยกแยะลักษณะอาการทั้งสองให้ชัดเจนจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพราะจะช่วยให้หาสาเหตุได้แม่นยำยิ่งขึ้น และช่วยให้แพทย์วินิจฉัยได้อย่างรวดเร็วและตรงจุดหากต้องเข้ารับการรักษา

วิธีบรรเทาอาการเบื้องต้นด้วยตัวเอง

หากเรารู้สึกเวียนหัวหรือคลื่นไส้เล็กน้อย โดยไม่มีอาการรุนแรงร่วมด้วย เช่น รู้สึกร่างกายชาๆอ่อนแรงครึ่งซีก แขนขาอ่อนแรง รวมถึงพูดไม่ชัด เราสามารถปฐมพยาบาล และดูแลตัวเองด้วยวิธีเบื้องต้นได้ดังนี้

นั่งหรือนอนพัก

เมื่อเริ่มรู้สึกเวียนหัว ควรหยุดกิจกรรมแล้วนั่งหรือนอนพักทันที โดยเฉพาะหลีกเลี่ยงการลุกหรือเปลี่ยนท่าทางอย่างรวดเร็ว เพราะอาจทำให้เลือดไหลเวียนไม่ทัน ส่งผลให้หน้ามืดหรือเวียนหัวมากขึ้น การพักในท่าที่ศีรษะอยู่ในระดับใกล้เคียงกับหัวใจจะช่วยให้ร่างกายปรับสมดุลได้ดีขึ้น

ดื่มน้ำเปล่า

การขาดน้ำอาจทำให้ความดันโลหิตลดต่ำ ส่งผลให้เวียนหัวหรือรู้สึกอ่อนเพลีย การจิบน้ำเปล่าช้าๆ จะช่วยคืนสมดุลของเหลวในร่างกายและกระตุ้นระบบไหลเวียนโลหิตให้กลับมาทำงานปกติ

กินอาหารอ่อนๆ ย่อยง่าย

หากอาการเวียนหัวมาจากการอดอาหารนาน หรือภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ การรับประทานอาหารที่ย่อยง่าย เช่น ข้าวต้ม ขนมปังโฮลวีท หรือกล้วย จะช่วยเพิ่มระดับน้ำตาลในเลือดอย่างปลอดภัยและลดอาการคลื่นไส้ได้

หากมีอาการในที่ร้อนหรืออับ ควรย้ายไปยังที่อากาศถ่ายเท

อากาศร้อนหรือสถานที่อับชื้นอาจทำให้อุณหภูมิร่างกายสูงขึ้นหรือความดันโลหิตลดลง ทำให้อาการเวียนหัวกำเริบ การย้ายไปอยู่ในที่ที่มีลมพัดหรืออากาศถ่ายเทจะช่วยให้รู้สึกดีขึ้น

ฝึกหายใจเข้า-ออกลึกๆ

หากเวียนหัวเกิดจากความเครียดหรือความวิตกกังวล การฝึกหายใจลึกๆ อย่างช้าๆ และสม่ำเสมอจะช่วยกระตุ้นระบบประสาทพาราซิมพาเทติก ซึ่งช่วยให้ร่างกายผ่อนคลาย ลดความเครียดและความรู้สึกเวียนหัวได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การดูแลสุขภาพเพื่อป้องกันอาการเวียนหัว

การดูแลร่างกายอย่างต่อเนื่องสามารถช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอาการเวียนหัวหรือคลื่นไส้ได้ โดยเฉพาะผู้ที่มีอาการบ่อยหรือมีแนวโน้มจะเกิดจากปัจจัยพื้นฐานทางสุขภาพต่างๆ ลองทำตามแนวทางต่อไปนี้

พักผ่อนให้เพียงพอ

การนอนหลับอย่างน้อยวันละ 7–8 ชั่วโมงมีความสำคัญต่อการฟื้นฟูร่างกายและสมอง โดยเฉพาะระบบประสาทและการทรงตัว หากพักผ่อนไม่เพียงพออาจทำให้เกิดความเหนื่อยล้า เวียนศีรษะ หรือมึนงงระหว่างวันได้

รับประทานอาหารครบ 5 หมู่ และสม่ำเสมอ

การได้รับสารอาหารอย่างเพียงพอในแต่ละมื้อจะช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่ ลดโอกาสเกิดภาวะน้ำตาลต่ำซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของอาการเวียนหัว นอกจากนี้ยังช่วยให้ระบบต่างๆ ในร่างกายทำงานได้เป็นปกติ

ออกกำลังกายเป็นประจำ

การออกกำลังกายช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต และช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของระบบหัวใจและหลอดเลือด ซึ่งมีบทบาทสำคัญต่อการนำเลือดไปเลี้ยงสมอง การเดินเร็ว โยคะ หรือว่ายน้ำเพียงวันละ 30 นาที สัปดาห์ละ 3–5 ครั้งก็เพียงพอ

จัดการความเครียด

ความเครียดเรื้อรังสามารถกระทบต่อระบบประสาทและระบบไหลเวียนโลหิตจนทำให้เกิดอาการเวียนหัวได้ ควรใช้วิธีผ่อนคลายอย่างเหมาะสม เช่น การทำสมาธิ ฝึกหายใจลึกๆ หรือการเล่นโยคะที่เป็นการผ่อนคลายร่างกาย จิตใจก็อาจช่วยให้ความเสี่ยงลดลง

เสริมสุขภาพด้วยผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร

ในกรณีที่อาจได้รับสารอาหารไม่เพียงพอจากอาหารเพียงอย่างเดียว การรับประทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีส่วนผสมของวิตามินบีรวม ธาตุเหล็ก หรือโคเอนไซม์ Q10 อาจช่วยเสริมการทำงานของระบบประสาทและระบบไหลเวียนโลหิต ทำให้ร่างกายรับมือกับภาวะเวียนหัวได้ดีขึ้น โดยควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐานและปรึกษาแพทย์หากมีโรคประจำตัว

อาการบ้านหมุน เวียนหัว คลื่นไส้ เป็นสัญญาณที่ไม่ควรมองข้าม แม้อาจเกิดจากสาเหตุเพียงเล็กน้อย แต่ก็อาจซ่อน ‘ปัญหาสุขภาพ’ ที่อาจเป็นอันตรายได้ในอนาคต ฉะนั้นแล้วการสังเกตอาการ ดูแลตัวเองอย่างเหมาะสม จึงเป็นสิ่งที่เราควรทำอย่างสม่ำเสมอ ไม่ว่าจะพักผ่อนให้เพียงพอ รับประทานอาหารครบ 5 หมู่ การออกกำลังกาย การพยายามจัดการกับความเครียด รวมถึงเสริมสุขภาพด้วยผลิตภัณฑ์เสริมอาหารให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่จำเป็น ครบถ้วน ก็จะช่วยให้เรามีสุขภาพที่แข็งแรง ห่างไกลโรคภัยได้มากขึ้น