
ผู้เขียน | เสมียนนารี |
---|---|
เผยแพร่ |
เก่อซวิน เกิดที่กว่างจื้อ เมืองตุ้นหวง แห่งเลียงจิ๋ว นิสัยห้าวหาญ เป็นคนที่แยกแยะบุญคุณความแค้น ไม่เอาเรื่องส่วนตัวมาทำให้เรื่องงานเสียหาย
เช่นครั้งหนึ่งเก่อซวินช่วยชีวิตซูเจิ้งเหอ (ที่มีความแค้นส่วนตัวกับเขา) ซึ่งกำลังถูกใส่ร้ายให้เป็นแพะรับบาป แต่เมื่อซูเจิ้งเหอซาบซึ้งมาขอบคุณถึงบ้าน เก่อซวินปฏิเสธไม่พบหน้า และประกาศว่าที่ช่วยเพราะเห็นกับความถูกต้อง หากความแค้นยังคงอยู่เช่นเดิม
อีกครั้งหนึ่งที่เก่อซวินยกทัพไปช่วยปราบชนเผ่าเกี๋ยง แต่กลับได้รับบาดเจ็บสาหัส และตกอยู่ในวงล้อม เขายืนตัวตรงพูดกับศัตรูว่า “ฆ่าข้าตรงนี่เถอะ!”
หากเตียนอู๋ หัวหน้ากองทหารเผ่าเกี๋ยง ที่เคยติดหนี้ชีวิตเขา พยายามช่วยชีวิตเขา ก็ยังโดนถูกเขาด่ากลับว่า “…ช่างสมควรตายนัก พวกแกจะไปรู้อะไร! รีบเข้ามาฆ่าข้าเสียสิ” หากเตียนอู๋ก็ทั้งฉุดทั้งลากเขาออกไปวงล้อม ทั้งที่เก๋อซวินไม่ยอม สุดท้ายทหารเผ่าเกี๋ยงต้องกุมตัวเขาส่งออกไปด้วยความชื่นชม
คนหัวแข็งอย่างเก่อซวิน ไม่เพียงทำให้คู่แค้นเคารพ ศัตรูหวั่นเกรง แม้แต่พระเจ้าเลนเต้ผู้อ่อนแอโง่เขลาเบาปัญญายังให้ความเชื่อใจ เพราะความภักดีต่อบ้านเมืองยิ่งกว่าใครของเขา เมื่อเก่อซวินได้เป็นขุนพลปาราบกบฏ พระเจ้าเลนเต้เรียกเขามาเข้าเฝ้าและรับสั่งถามว่า “ทำไมแผ่นดินนี้ถึงมีแต่ความวุ่นวานไม่สงบสุข”
เก่อซวินตอบว่า “เพราะพวกขุนนางกังฉินแทรกแซงราชการการงานเมือง” โดยไม่สนใจว่าเกียนสิด (บ้างสำนวนแปลเรียกว่า “เกนหวน”) ขันที่คนโปรดของพระเจ้าเลนเต้ หนึ่งในกิงฉินสำคัญเวลานั้นจะอยู่ด้วย
พระเจ้าเลียนเต้จึงถามต่อไปว่า จะสั่งให้ทหารไปตั้งทัพอยู่ที่ผิงเล่อกวานแล้ว อีกทั้งยังดำริว่าจะมอบทรัพย์สมบัติจากท้องพระคลังเป็นของกำนัลแก่เหล่าแม่ทัพนายกอง ท่านคิดว่าอย่างไรบ้าง
เก๋อซวินตอบกลับอย่างไม่เกรงใจว่า “กระหม่อมเคยได้ยินมาว่ากษัตริย์ผู้ปรีชาสามารถจะแสดงออกด้านคุณธรรมแต่ไม่แสดงออกเรื่องการทหาร ทุกวันนี้พวกโจรกบฏอยู่ในที่ไกลแต่เรากลับตั้งทัพอยู่ใกล้ ไม่มีทางที่จะแสดงให้ศัตรูประจักษ์ถึงแสนยานุภาพได้ เพียงแต่ทำให้การหทารแปดเปื้อนก็เท่านั้น”
เมื่อเจอการตำหนิจากเก๋อซวิน พระเจ้าเลนเต้ไม่โกรธ แล้วยังพยักหน้าตอบรับว่า “…ข้าได้แต่แค้นใจที่พบท่านช้าไป เหล่าขุนนางต่างไม่เคยกล้าพูดกับข้าอย่างนี้มาก่อน”
พระเจ้าเลนเต้ชื่นชมเก่อซวินเป็นอย่างมาก อยากแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งสูงๆ ในราชสํานัก แต่เกียนสิดกลัวเขามาก พยายามทุกวิถีทาง สุดท้ายเก่อซวินจึงได้แต่งตั้งให้เป็นเพียง “ผู้ตรวจการนครหลวง” แต่ด้วยไม่เกรงกลัวอํานาจของพวกชนชั้นสูง ตรวจตราเคร่งครัด สร้างความสั่นสะเทือนให้กับเมืองหลวง
ทว่าสิ่งที่ทําให้เก่อซวินเป็นที่เคารพนับถือมากที่สุดก็คือ เขากล้ากล่าวโทษตั๋งโต๊ะต่อหน้า
ในประวัติศาสตร์จีน ตั๋งโต๊ะขึ้นชื่อเรื่องความโหดร้ายป่าเถื่อน ยุคสามก๊กจีนมีประชากรเพียง 13 ล้านคน ซึ่งนับว่าน้อยที่สุดเท่าที่มีการบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ สถานการณ์อันเลวร้ายนี้ เพราะตั๋งโต๊ะฆ่าคนอย่างไร้เหตุผล ใช้แต่อารมณ์และความรู้สึกเท่านั้น เช่นเคยมีขุนนางคนหนึ่งไม่ได้ปลดกระบี่ประจํากายตอนเข้าพบตั๋งโต๊ะ ตั๋งโต๊ะก็สั่งตัดหัวขุนนางผู้นั้นทันที
ขุนนางทั่วไป หรือแม้แต่ฮองฮูสงและจูฮีแม่ทัพผู้ปราบโจรโพกผ้าเหลือง ที่มีชื่อเสียงไปทั่วแผ่นดิน เมื่อเผชิญหน้ากับตั้งโต๊ะยังมิกล้าพูดเสียงดัง เจอเสียงขึงขังถืออํานาจของตั๋งโต๊ะเข้าก็ได้แต่เออออรับปาก มีเพียงเก่อซวินเท่านั้นที่ไม่เคยเห็นตั้งโต๊ะอยู่ในสายตา
หลังจากพระเจ้าเลนเต้สิ้นพระชนม์ ตั๋งโต๊ะเข้าเมืองหลวงทำการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ โดยยึดกุมอํานาจในราชสํานักไว้ทั้งหมด ตั๋งโต๊ะที่มีอํานาจชี้เป็นชี้ตาย ยิ่งใหญ่ค้ำฟ้าแต่เพียงผู้เดียว สั่งปลดยุวกษัตริย์หองจูเปียน แต่งตั้งหองจูเทียบเป็นพระเจ้าเหี้ยนเต้ และประหารโฮไทเฮา
เก่อซวินทนดูต่อไปไม่ได้ จึงได้เขียนจดหมายไปบริภาษว่าตั๋งโต๊ะเป็นตัวตลก อีกทั้งยังเตือนตั๋งโต๊ะว่าอย่าได้ใจจนลืมตัวแล้วสร้างความพินาศ ตั๋งโต๊ะอ่านแล้วหวาดกลัวเป็นอย่างมาก ไม่กล้าทําการใดๆ ซ้ำยังแต่งตั้งเก่อซวินเป็นขุนนางคนสนิทของฮ่องเต้
เมืองหลวงเวลานั้น เหล่าขุนนางราชสำนักชั้นสูงแค่เห็นตั๋งโต๊ะต้องคุกเข่าคํานับมาแต่ไกล มีแค่เก่อซวินที่ไม่สนใจ เขาเพียงประสานมือคํานับให้เท่านั้น เหล่าขุนนางผู้ใหญ่ตระหนกหน้าถอดสี แต่ตั๋งโต๊ะก็ไม่อาจทำกระไรได้
ตั้งโต๊ะปรึกษาอ้องอุ้นขุนนางผู้ใหญ่ว่า เขาอยากหาเสนาธิการ ที่มากความสามารถสักคน อ้องอุ้นจึงเสนอชื่อเก่อซวิน ตั้งโต๊ะบอกว่าคนผู้นี้ร้ายกาจเกินไป ไม่สมควรมารับตําแหน่งสําคัญแบบนี้ แค่เก่อซวินธรรมดา เขาก็เกินจะรับได้แล้ว หากเป็นเก่อซวินที่กุมอํานาจทางทหารไว้ในมือ ไม่รู้จะสร้างปัญหาให้เขาได้อีกเท่าไร
นี่แสดงให้เห็นว่าเก่อซวินสามารถสร้างแรงกดดันให้ตั๋งโต๊ะได้ ซึ่งเกิดขึ้นน้อยครั้งนัก
เก่อซวินไม่เพียงกล้าวิพากษ์วิจารณ์ตั๋งโต๊ะ เขาถึงขั้นกล้าประณามต่อหน้า มีครั้งหนึ่งจูฮีกําลังวิเคราะห์สถานการณ์ทางการทหารให้ตั๋งโต๊ะฟัง ตั๋งโต๊ะไร้ความอดทน ชักดาบออกมา ณ ที่นั้นแล้วกล่าวว่า “ตัวข้ารบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง มีกลยุทธ์พร้อมอยู่ในใจ เจ้าอย่ามาพูดเหลวไหลให้ดาบของข้าต้องมีมลทิน”
จูฮีไม่ได้พูดอะไรอีก แต่ผู้ที่ฟังอยู่ข้างๆ อย่างเก่อซวินกลับทนไม่ได้ ประชดขึ้นมาว่า
“กษัตริย์อู่ติงผู้มีความปรีชาในสมัยราชวงศ์ชางยังต้องขอความเห็นจากผู้อื่น มิไยตัวท่านเล่า หรือท่านต้องการให้คนทั่วทั้งใต้หล้าปิดปากไม่พูด เชียวหรือ”
ตั๋งโต๊ะไม่รู้จะทําเยี่ยงไร ได้แต่ตอบไปอย่างเหนียมๆ ว่า “ข้าแค่ล้อเล่นเท่านั้น!”
เก่อซวินแย้งกลับทันที “ไม่เคยได้ยินว่า คําพูดชั่วช้าก็เอามาล้อเล่นกันได้”
เช่นนี้จึงไม่เพียงยุคสามก๊กเท่านั้น แต่ภาพลักษณ์ของผู้กล้าเย้ยฟ้าท้าดินที่เก่อซินสร้างขึ้น จึงเป็นแบบอย่าง และเป็นที่จดจำ
ข้อมูลจาก
หลี่อันสือ-เขียน, วรางค์ ตติยะนันท์ ปิยะพร แก้วเหมือน-แปล. ยอดวีรชนสามก๊ก : 33 ผู้มีใจสูง, สำนักพิมพ์มติชน, พิมพ์ครั้งแรก กันยายน 2558
เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 11 พฤษภาคม 2565