“อเมริกัน พิทบูล” จากจุดกำเนิดในกีฬา “ชนหมา” สู่สัตว์เลี้ยงแสนรักสุดแกร่ง

อเมริกัน พิทบูล
สุนัข สายพันธุ์ อเมริกัน พิทบูล เป็นหนึ่งในสุนัขที่ขึ้นชื่อเรื่องความแข็งแรง (เครดิตภาพ www.pexels.com)

สุนัข เป็นสัตว์ที่มนุษย์นิยมเลี้ยงมากที่สุดเป็นอันดับต้น ๆ หากพูดถึงความน่ารัก หลายคนอาจเลือกสุนัขสายพันธุ์โกลเด้น รีทรีฟเวอร์, ไซบีเรียน ฮัสกี, คอร์กี้, พอเมอเรเนียน, ชิสุ ฯลฯ แต่ก็มีไม่น้อยที่ชื่นชอบสุนัขสายพันธุ์ อเมริกัน พิทบูล ซึ่งถ้าย้อนไปในศตวรรษที่ 19 มีความนิยมนำอเมริกัน พิทบูล ไปประลองกำลังต่อสู้ในเวที “ชนหมา” มาแล้ว

อเมริกัน พิทบูล (American Pit bull) เป็นสุนัขขนสั้น รูปร่างแข็งแรง หน้าตาดุดัน รักความสนุกสนาน มีความอ่อนโยน ใจเย็น แต่ถ้ามีเรื่องที่ทำให้โมโหล่ะก็ มันก็พร้อมพุ่งเข้าใส่เต็มกำลังหากไม่ได้รับการฝึกที่ดี และด้วยเสน่ห์ของสุนัขพันธุ์นี้ นอกจากจะมีผู้เลี้ยงไว้เป็นเพื่อนเล่น ยังมีผู้เลี้ยงไว้เพื่ออารักขาเจ้าของด้วย เช่น ธีโอดอร์ รูสเวลต์ (Theodore Roosevelt) ประธานาธิบดีคนที่ 26 แห่งสหรัฐอเมริกา มีอเมริกัน พิทบูล ตัวโปรดชื่อ “พีท” (Pete) อยู่ในทำเนียบขาว เป็นเสมือนหนึ่งในบอดี้การ์ดส่วนตัว

ส่วนกีฬา “ชนหมา” ที่มีอเมริกัน พิทบูล เข้ามาเกี่ยวพันด้วยนั้น ต้องย้อนไปยาวราวศตววรษที่ 1-3 ซึ่งเป็นช่วงที่จักรวรรดิโรมันเรืองอำนาจ และขยายอิทธิพลไปทั่วยุโรป ชาวโรมันได้นำวัฒนธรรมไปเผยแพร่ให้กลุ่มชนที่อยู่ใต้การปกครองของพวกเขา หนึ่งในนั้นคือการจัดแข่งกีฬาต่าง ๆ ในโคลอสเซียม มีทั้งการต่อสู้ของกลาดิเอเตอร์ การต่อสู้กับสัตว์ดุร้าย รวมทั้งการนำสัตว์มาปล่อยลงสนามให้สู้กันเอง เช่น การนำสุนัขป่ามาสู้กับวัวหรือหมี ฯลฯ

แม้จักรวรรดิโรมันล่มสลายลงใน ค.ศ. 476 แต่วัฒนธรรมการละเล่นของพวกเขาไม่ได้หายสาบสูญไปด้วย ดินแดนที่ชาวโรมันเคยยึดครอง เช่น อังกฤษ สเปน ฝรั่งเศส ฯลฯ ยังคงสืบทอดวัฒนธรรมแบบโรมันไว้ โดยเฉพาะการต่อสู้กันของสัตว์ ที่สืบต่อยาวมาถึงยุคสมัยใหม่ของยุโรป คือศตวรรษที่ 15-19 โดยเป็นกีฬาที่นิยมเล่นกันอย่างแพร่หลาย ตั้งแต่สามัญชนไปจนถึงกษัตริย์

ความนิยมในราชสำนักมีถึงขั้นที่สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 1 แห่งอังกฤษ และพระเจ้าเจมส์ที่ 1 ผู้สืบบัลลังก์พระองค์ถัดมา มีสวนสำหรับเลี้ยงสัตว์ เช่น กระทิง หมี สุนัข ฯลฯ เพื่อโชว์การต่อสู้ของสัตว์เหล่านี้ให้บรรดาแขกที่มาเยี่ยมเยือนเป็นการเฉพาะ

เรียกว่าโชคดีก็ว่าได้ เมื่อวัวมีมูลค่าทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น ประกอบกับความยากลำบากในการนำสัตว์ใหญ่ไปที่ต่าง ๆ ทำให้ความนิยมนำสัตว์ใหญ่มาต่อสู้กันลดน้อยลงเรื่อย ๆ ในที่สุดรัฐบาลอังกฤษได้ออกกฎหมายในปี 1835 ให้การนำวัวหรือสัตว์ใหญ่อื่น ๆ มาต่อสู้กันเป็นสิ่งผิดกฎหมาย ก่อนที่หลายประเทศในยุโรปจะทยอยออกกฎหมายลักษณะนี้ตามมา

แจ็กพอตเลยไปตกอยู่กับ “น้องหมา” ที่ต้องกลายเป็นนักสู้ตัวหลักแทน

เวลานั้นสุนัขที่คนส่วนใหญ่คุ้นเคยไม่ได้คล่องแคล่ว ว่องไว และแข็งแรงมากพอที่จะใช้ในการต่อสู้ จึงมีการพัฒนาสายพันธุ์สุนัขเพื่อนำมาใช้ต่อสู้และใช้งานด้านอื่น ๆ อย่าง การล่าสัตว์ เฝ้ายาม โดยสุนัขที่เป็นผลมาจากการพัฒนาสายพันธุ์ช่วงนี้ คือ โอลด์ อิงลิช เทอร์เรีย (Old English Terrier) และ โอลด์ อิงลิช บูลด็อก (Old English Bulldog) ซึ่งเกิดขึ้นในอังกฤษ

การนำสุนัขมาต่อสู้ในศตวรรษที่ 19 มักจัดกันตามโรงนาในหมู่บ้านชนบท หรือหากเป็นในเมืองก็จะแข่งกันที่ตลาดกลางเมืองที่มีผู้คนพลุกพล่าน เมื่อสังคมเมืองสมัยใหม่ขยายตัว ไม่นานนักในผับและโรงแรมต่าง ๆ ก็มีสนามประลองสุนัข มีการลงเงินเดิมพันว่าสุนัขตัวไหนจะเป็นฝ่ายชนะ ใครทายถูกก็ได้รับเงินพนัน หากทายผิดก็เสียเงินเดิมพันที่วางไว้

การนำสุนัขมาต่อสู้และพัฒนาสายพันธุ์เพื่อแข่งขัน ยังข้ามไปยังสหรัฐอเมริกา กลายเป็นจุดกำเนิดของ “อเมริกัน พิทบูล” ที่นำสุนัขสายพันธุ์โอลด์ อิงลิช เทอร์เรีย และ โอลด์ อิงลิช บูลด็อก มาผสมพันธุ์กัน เกิดเป็นสุนัขที่มีความแข็งแกร่ง ปราดเปรียว ดุร้าย ที่เรารู้จักกันดีนั่นเอง

อเมริกัน พิทบูล สร้างความบันเทิงให้ผู้ชมอย่างมากด้วยความแข็งแกร่งและพละกำลังในการต่อสู้ นอกจากนี้ยังใช้เวลาในการฝึกไม่นาน และยังดูแลทำความสะอาดได้ง่ายหากเทียบกับสายพันธุ์อื่น ทั้งหมดนี้ทำให้ชื่อเสียงของมันกระจายไปอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะสนามประลองไหน เป็นต้องมีอเมริกัน พิทบูล ลงแข่งเป็นตัวเด่นแทบทั้งสิ้น

ความนิยมในตัวสุนัขดังกล่าว นำสู่การตั้งสำนักงานสำหรับลงทะเบียนสุนัขตัวนี้ขึ้นในปี 1898 และยังมีการกำหนดกติกาสำหรับการต่อสู้ระหว่างสุนัข ภายหลังพัฒนาเป็น United Kennel Club ทำหน้าที่ขึ้นทะเบียนสุนัขพันธุ์อเมริกัน พิทบูล ที่ใหญ่สุดในสหรัฐอเมริกา ยังฮอตถึงขั้นที่ว่า ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 กองทัพสหรัฐอเมริกาใช้ภาพอเมริกัน พิทบูล เป็นโปสเตอร์โฆษณารับสมัครทหารไปเข้าร่วมรบในสงครามเลยทีเดียว

อย่างไรก็ดี ในปี 1966 รัฐบาลกลางสหรัฐฯ ได้ออกพระราชบัญญัติสวัสดิภาพสัตว์ ห้ามกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการทารุณสัตว์ รวมถึงการนำสัตว์มาต่อสู้กันด้วย United Kennel Club จึงเปลี่ยนสถานะจากองค์กรจัดการสู้กันของอเมริกัน พิทบูล มาเป็นองค์กรที่ลงทะเบียนและควบคุมดูแลสุนัขพันธุ์อเมริกัน พิทบูล แทน

จากสุนัขต่อสู้ อเมริกัน พิทบูล ค่อย ๆ กลายมาเป็นสัตว์เลี้ยงประจำบ้าน แต่ก็มีข่าวอุบัติเหตุสุนัขทำร้ายเจ้าของหรือสมาชิกในบ้านออกมาเป็นระยะ ทำให้บางประเทศในยุโรป เช่น อังกฤษ ออกกฎหมายห้ามเลี้ยงอเมริกัน พิทบูล เป็นสัตว์เลี้ยง เพราะความดุร้ายของมันที่ปรากฏเป็นข่าวทำร้ายคนอยู่เรื่อย ๆ

ถึงอย่างนั้น หลายคนก็ยังตกหลุมรักอเมริกัน พิทบูล ที่ในความดุดันก็มีความอ่อนโยนและสนุกสนานในตัว ทั้งยังช่วยดูแลบ้านแทนเจ้าของได้อีกด้วย

อ่านเพิ่มเติม :

สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่


อ้างอิง :

https://www.researchgate.net/publication/276093429_History_of_Dog_Fighting_in_the_World

https://www.presidentialpetmuseum.com/theodore-roosevelts-pete/

https://neylorz.medium.com/the-origin-and-differences-between-the-american-staffordshire-terrier-and-the-american-pit-bull-a55f1c514b1b

https://www.animallaw.info/article/detailed-discussion-dog-fighting

https://www.wlvt.org/blogs/montgomery/pit-bull-awareness-month-once-nations-wartime-mascot-breed-makes-comeback/


เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 27 มีนาคม 2566