ชนกลุ่มน้อยมุสลิมเผยถูก “เขมรแดง” บังคับให้ “กินหมู”

ร่างของคนขี่รถสามล้อนอนอยู่กลางถนนหลังถูกสังหารจากปืนยิงลูกระเบิด เมื่อวันที่ 12 มีนาคม 1975 ระหว่างการบุกล้อมกรุงพนมเปญของกลุ่มเขมรแดง (AFP / Inconnu)

ในการให้การต่อศาลระหว่างการพิจารณาคดีฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชนกลุ่มน้อยชาวเวียดนามและชาวจาม ของอดีตผู้นำกลุ่มเขมรแดง นวน เจีย วัย 89 ปี และ เขียว สัมพัน วัย 84 ปี เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (29 กุมภาพันธ์) พยานรายหนึ่งได้เผยถึงการกดขี่และความทารุณของอดีตเผด็จการคอมมิวนิสต์ที่ปกครองกัมพูชาในช่วงปี 1975-1979

“พ่อผมต้องตายเพียงเพราะเขาเป็นคนจาม (ชนกลุ่มน้อยมุสลิมในกัมพูชา) ผู้ยึดมั่นในหลักปฏิบัติทางศาสนา” โมว พบ (Moeu Pov) พยานซึ่งมีอายุ 13 ปีในขณะที่เขมรแดงขึ้นสู่อำนาจเมื่อปี 1975 กล่าว ทั้งนี้จากรายงานของ Cambodia Daily

“พวกเขายื่นคำขาดสั่งให้เขากินหมู หากเขาไม่กินก็ต้องอดตาย” พบกล่าว ซึ่งสุดท้ายพ่อของเขาก็ไม่ยอมกินหมูทำให้ต้องเสียชีวิต ขณะที่ตัวเขาต้องฟืนกินเพื่อเอาชีวิตรอด (AFP)

นอกจากนี้ เขายังได้เล่าถึงเหตุการณ์ทารุณที่เกิดขึ้นกับนักโทษหญิงรายหนึ่งที่ถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดศีลธรรม (รายงานมิได้ระบุถึงพฤติกรรมประกอบความผิดแต่อย่างใด) พบ กล่าวพร้อมมอบภาพประกอบเหตุการณ์ให้แก่ศาล ว่า

“เธอถูกสั่งให้ถอดเสื้อผ้า ก่อนถูกผ่าท้อง…แล้วควักตับของเธอออกมาทำเป็นอาหาร”

เอเอฟพีกล่าวว่า มีชาวกัมพูชาราว 2 ล้านรายที่ต้องเสียชีวิตระหว่างการปกครองของเขมรแดงเพียงระยะเวลาสั้นๆ โดยในบรรดาเหยื่อที่เสียชีวิตเป็นชาวจามมุสลิมราว 1-5 แสนราย และชาวเวียดนามอีกราว 2 หมื่นราย ซึ่งในการพิจารณาคดีก่อนหน้านี้ ชนกลุ่มน้อยทั้งสองกลุ่มมิได้รับการกล่าวถึงมากนัก

ทั้งนี้ ทั้งนวน เจีย และเขียว สัมพัน ต้องโทษจำคุกตลอดชีวิตอยู่แล้วจากคำพิพากษาของคดีก่อนหน้า ซึ่งพิจารณาถึงความผิดกรณีบังคับอพยพผู้คนจากพนมเปญไปยังค่ายแรงงานในชนบท ก่อนทำการฆาตกรรมหมู่