พบซาก “วัวทะเลสเตลเลอร์” สูญพันธุ์เพราะมือมนุษย์

โครงกระดูกวัวทะเลเลสเตลเลอร์ ที่ไซบีเรีย (ภาพ- seacow komandorsky.ru)

ทีมนักสำรวจวิจัยรัสเซีย นำโดย มารีนา ชิโตวา ออกสำรวจพื้นที่พบโครงกระดูกส่วนซี่โครงสัตว์แทงทะลุพื้นทรายสลับกับหินกรวดขึ้นมาในบริเวณอุทยานธรรมชาติคอมมานดอร์สกี ในไซบีเรีย ทางตะวันออกเฉียงเหนือของสาธารณรัฐรัสเซีย ใช้เวลาในการขุดค้น 4 ชั่วโมง พบว่าซากนั้นคือซาก “วัวทะเลสเตลเลอร์” (Steller’ Sea cow ชื่อวิทยาศาสตร์ Hydrodamalis gigas) นักวิิทยาศาสตร์เชื่อว่าการค้นพบครั้งนี้อาจช่วยไขปริศนาหลายอย่างเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่ที่สูญพันธ์ไปแล้วชนิดนี้ได้

ซากโครงกระดูกวัวทะเลสเตลเลอร์ที่ขุดพบที่ไซบีเรีย วัดความยาวได้ 5.2 เมตร แต่ซากดังกล่าวไม่มีหัวคาดการว่าอาจมีความยาวถึง 6 เมตรได้ ขนาดดังกล่าวใกล้เคียงกับขนาดวาฬเพชฌฆาตรซึ่งเป็นสัตว์ที่ยังมีชีวิตอยู่ในปัจจุบัน

การค้นพบวัวทะเลสเตลเลอร์เกิดขึ้นโดยบังเอิญเมื่อเรือสำรวจชาวเดนมาร์กเกิดอับปางในปี 1741 ที่บริเวณหมู่เกาะคอมมานเดอร์ ซึ่งเวลานั้นยังไม่มีผู้คนอาศัยอยู่ โดยมีหนึ่งในผู้รอดชีวิตคือ กีออร์ก วิล เฮล์ม สเตลเลอร์ นักธรรมชาติวิทยาชาวเยอรมัน

ในระหว่างใช้ชีวิตอยู่บนเกาะสเตลเลอร์ได้มีการชำแหละวัวทะเลตัวหนึ่งซึ่งถูกฆ่าจนสามารถบรรยายถึงลักษณะรูปร่างของสัตว์ชนิดนี้ได้สำเร็จ เมื่อส่วนที่เหลือของทีมสำรวจเดินทางกลับข่าวการค้นพบแหล่งล่าสัตว์แห่งใหม่สะพัดไปทั่ว จึงเกิดการล่าทั้งนาก แมวน้ำ และวัวทะเลในบริเวณนั้นขนาดใหญ่

วัวทะเลถูกล่าเพื่อใช้กินเนื้อเป็นอาหารและใช้หนังเป็นเครื่องนุ่งห่ม จนสูญพันธุ์ไปเมื่อปี 1768


ที่มา : ภาพและข่าวจากหนังสือพิมพ์มติชน 30 พฤศจิกายน 2560