“สะเดา” ไม้ศักดิ์สิทธิ์ ชาวอินเดียใช้บูชาเจ้าแม่ทุรคา-เจ้าแม่กาลี ขับไล่ภูติผีปีศาจ

สะเดา
สะเดา พืชที่ชาวอินเดียใช้บูชาเจ้าแม่ทุรคา เจ้าแม่กาลี และใช้ขับไล่ภูติผีปีศาจ (ภาพจาก: เทคโนโลยีชาวบ้าน https://www.technologychaoban.com/news-slide/article_99128)

“สะเดา” เป็นไม้ยืนต้นที่กินได้ทั้งใบอ่อนและดอก พอย่างเข้าเขตหน้าหนาว สะเดาก็มียอดอ่อนและออกดอกให้กิน แต่นอกจากเป็นของกินแล้ว ใน “อินเดีย” สะเดาถือเป็นพันธุ์ไม้ศักดิ์สิทธิ์ ที่ชาวอินเดียหลายพื้นที่ใช้บูชา เจ้าแม่ทุรคา เจ้าแม่กาลี รวมทั้งใช้ขับไล่ภูติผีปีศาจอีกด้วย 

ในทางการแพทย์ใช้เปลือกสะเดาเป็นยาขม ใช้เป็นยาบำรุงทั่วไป และทำเป็นทิงเจอร์ พวกที่กินสะเดาคล้ายๆ ไทยก็คือพวกฮินดู อย่างไรก็ดี ใน “พิธีวรรษปรติปทา” หรือพิธีปีใหม่ของคนฮินดู ซึ่งอยู่ในเดือนมีนาคม-เมษายน พวกฮินดูก็จะพากันบูชาต้นสะเดา และกินใบสะเดากับพริกไทยและน้ำตาล เพื่อป้องกันโรคภัยไข้เจ็บตลอดปี

ตามปกติการบูชา เจ้าแม่ทุรคา ของชาวอินเดียก็จะบูชาด้วย “สะเดา” เช่นเดียวกับคนในอัสสัม ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของ อินเดีย ที่นับถือสะเดาว่า เป็น “ไม้ศักดิ์สิทธิ์” ใช้บูชา เจ้าแม่กาลี และใช้ขับไล่ภูตผีปีศาจ เมื่อเจ็บป่วยก็เอากิ่งสะเดาวางไว้ใต้เตียงคนไข้ สะเดาจึงเป็นไม้ศักดิ์สิทธิ์ที่ใช้ทั้งกิน ทั้งป้องกัน และกำจัดสิ่งที่ไม่พึงปรารถนาต่างๆ นอกจากนี้ ทางอินเดียตอนเหนือ เมื่อทำพิธีเกี่ยวกับการตายเสร็จแล้วก็จะเคี้ยวใบสะเดา และใช้กิ่งสะเดาจุ่มน้ำพรมตามร่างกาย เพื่อป้องกันเสนียดอัปมงคลต่างๆ

บางแห่งจะมีหม้อใส่เยี่ยววัววางไว้ที่ประตูบ้าน คนที่จะเข้าไปในบ้านต้องเอากิ่งสะเดาจุ่มน้ำเยี่ยววัวพรมเท้าก่อน เป็นการทำให้บริสุทธิ์ ไม่นำพาสิ่งอัปมงคลเข้าไปในบ้าน หากบ้านใดมีเด็กเกิดใหม่ ก็จะเอาใบสะเดาแขวนไว้ที่ประตูบ้าน ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง เป็นการป้องกันเช่นเดียวกัน

เรื่องสะเดาอินเดียมีเรื่องสนุกอยู่มาก อย่างเช่นเขาเล่าว่า กาลครั้งหนึ่งมีหญิงฮินดูคนหนึ่งหวงสามี ก็คงไม่อยากให้สามีไปนอนผิดที่ผิดทางนั่นแหละ คราวหนึ่งสามีก็มีธุระที่จะต้องไปต่างเมือง ฝ่ายแม่หญิงไม่อยากให้สามีห่างตนไปนานๆ ครั้นจะทัดทานห้ามปรามก็ใช่ที่ ไม่รู้จะทำอย่างไรดี ในที่สุดก็แอบไปปรึกษากับหมอคนหนึ่งว่า มีวิธีใดบ้างที่จะทำให้สามีรีบกลับบ้านเร็วๆ

หมอคนนั้นไม่ใช่หมอเสน่ห์ แต่เป็นหมอที่เข้าใจแก้ไขเหตุการณ์ นำวิชาความรู้ทางการแพทย์มาประยุกต์ใช้ได้อย่างแนบเนียน คือหมอมีความรู้เรื่องสรรพคุณของสมุนไพรต่างๆ อยู่แล้ว จึงแนะนำว่า จงกำชับสามีให้นอนพักใต้ต้นมะขามทุกคืนตลอดเวลาที่เดินออกจากบ้านไป ส่วนขากลับก็ให้นอนใต้ต้นสะเดาทุกคืนอีกเหมือนกัน ให้ปฏิบัติตามที่สั่งอย่างเคร่งครัด ถ้าทำอย่างนี้แล้วรับรองว่าสามีจะกลับบ้านอย่างแน่นอน ไม่ต้องไปทำเสน่ห์ที่ไหน

ปรากฏว่า สามีเป็นคนอยู่ในโอวาทของภรรยา ทำตามที่ภรรยาบอกทุกประการ ขาไปค่ำที่ไหนก็นอนพักตามโคนต้นมะขาม ทำอยู่อย่างนี้ไม่กี่คืนก็ปรากฏว่า โดนพิษต้นมะขามเล่นงานเอาจนไม่สบาย ขืนเดินทางต่อไปคงไม่ถึงที่หมาย ในที่สุดต้องรีบเดินทางกลับ และโดยเหตุที่เป็นสามีที่ดี อยู่ในโอวาทของภรรยา แกก็ปฏิบัติตามคำสั่งของภรรยาอย่างเคร่งครัด คือนอนพักแรมใต้ต้นสะเดาทุกคืน พอมาถึงบ้านก็หายพอดี

เรื่องที่เล่ามาข้างต้น ความจริงจะเป็นเพราะอะไร ในต้นฉบับเดิมไม่ได้กล่าว ความประสงค์ก็คงจะชี้ให้เห็นถึงสรรพคุณของ “สะเดา” เท่านั้น ถ้าพิจารณาตามเรื่องก็คล้ายกับว่ามีไอระเหยจากต้นมะขามทำให้ไม่สบาย คงเป็นพิษอะไรสักอย่างในตอนกลางคืน ส่วนไอระเหยจากต้นสะเดาก็คงจะแก้พิษจากต้นมะขามได้

อ่านเพิ่มเติม :

สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่ 


เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 16 ธันวาคม 2560